อี้ แทนคุณ ร้อง ‘วันนอร์’ แฉมิจฉาชีพแอบอ้าง ‘ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา’ หลอกลงทุนผู้สูงอายุ สูญกว่า 20 ล้านบาท
รัฐสภา, 30 เมษายน 2568 – นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัอนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา เพื่อขอให้เร่งช่วยเหลือกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการมิจฉาชีพที่แอบอ้างตัวเป็น ‘ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา’ หลอกลวงให้ลงทุนจนเกิดความเสียหายรวมมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท โดยมีนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาฯ เป็นผู้แทนรับหนังสือ
นายแทนคุณ เปิดเผยว่า กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ใช้กลอุบายโดยการแอบอ้างใช้รูปภาพและข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในวงงานรัฐสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ้างตนว่าเป็น ‘ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภาชุดปัจจุบัน’ พวกเขาเข้าถึงข้อมูลของผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุวัยเกษียณ มีเงินเก็บสะสมไว้สำหรับใช้ชีวิตในยามบั้นปลาย
พฤติการณ์ของมิจฉาชีพคือการเลือกเป้าหมายที่เป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นหม้ายหรือโสด และใช้ชีวิตตามลำพัง มักจะมีการเคลื่อนไหวบนสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และกิจกรรมประจำวัน เพื่อนำมาใช้ในการสร้างความน่าเชื่อถือและตีสนิทกับเหยื่อ
วิธีการหลอกลวงเริ่มต้นจากการพยายามติดต่อและสร้างความสัมพันธ์ เช่น การส่งดอกไม้ไปให้ในวันสำคัญอย่างวันเกิด เพื่อให้เหยื่อตายใจ จากนั้นจึงชักชวนให้ร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มเทรดหุ้น ซึ่งในช่วงแรก มิจฉาชีพจะมีการโอนเงินผลกำไรให้จริง เช่น ลงทุน 40,000 บาท ได้ผลตอบแทน 80,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อสนิทใจและตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงและกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ มีผู้เสียหายบางรายในจังหวัดเชียงใหม่ สูญเงินไปถึง 5 ล้านบาท รายอื่นในจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียหาย 700,000 บาท ขณะที่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ก็มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดเกือบ 20 ล้านบาท
ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้สร้างความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสให้กับผู้เสียหายหลายราย บางรายต้องนำบ้านไปขายฝากจนสุดท้ายบ้านถูกยึด ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องหันไปเช่าบ้านอยู่แทน บางรายต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิต มีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง และน่าเศร้าใจที่สุดคือ มีผู้เสียหายบางรายได้ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม
นายแทนคุณ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ โดยขอให้ประธานรัฐสภาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแอบอ้างบุคลากรในสังกัดรัฐสภา พร้อมขอให้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจและหน่วยงานด้านไซเบอร์ ให้ดำเนินการสืบสวน ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดและเครือข่ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพกลุ่มนี้ไปหลอกลวงบุคคลอื่นได้อีก
ด้านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ตัวแทนรับหนังสือ กล่าวภายหลังว่า ประธานรัฐสภาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับกรณีที่มีการนำชื่อหรือตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลในวงงานรัฐสภาไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและภาพลักษณ์ของราชการ ตนจะรีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างละเอียด และจะนำกราบเรียนประธานรัฐสภาเพื่อพิจารณาและสั่งการอย่างเร่งด่วนต่อไป