ดีเอสไอใช้ AI-3D Mapping จำลองเหตุการณ์ ‘ฮั้ว สว.’ ณ สถานที่จริง! ชี้ ‘เปิดหีบ’ จิ๊กซอว์สำคัญล่าผู้บงการ
กรุงเทพมหานคร – ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ กรณีการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อมโยงภาพขบวนการกระทำผิดกฎหมายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวจากดีเอสไอเปิดเผยว่า นอกจากจะมีการสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม และพยานผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไปแล้วกว่า 30 ปาก ยังได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้กว่า 1,200 คน และตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์อีกราว 20,000 เลขหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ข้อมูลเพื่อนำไปสู่การพิสูจน์การกระทำความผิด
ล่าสุด หลังจากการขยายความผิดอาญาฐาน “อั้งยี่” เพิ่มเติมจากความผิดฐาน “ฟอกเงิน” ที่พิจารณาไว้ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงการเลือก สว. ระดับประเทศที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค ฟอรัม เมืองทองธานี
การจำลองเหตุการณ์ในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเก็บข้อมูลสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน โดยมีการจัดตั้งคูหา หีบหย่อนบัตร และจัดวางตำแหน่งต่างๆ ให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด พร้อมทั้งนำกลุ่มพยานที่อยู่ในเหตุการณ์จริงมานำชี้พื้นที่สำคัญ เช่น จุดที่พบโพยลงคะแนน จุดที่กลุ่มผู้ที่ใส่เสื้อสีเดียวกันรวมตัวพูดคุยกัน เพื่อให้เห็นภาพการกระทำที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้
นอกจากนี้ การสร้างฉากจำลองยังย้อนลำดับเหตุการณ์สำคัญ เช่น การขานคะแนน และภาพการนำเอกสารเข้าไปในคูหา ตามขั้นตอนการสรรหา สว. โดยมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบภูมิสารสนเทศ (Geospatial Technology) มาใช้เพื่อสร้างแบบจำลอง 3D Mapping ของอาคารอิมแพ็ค ฟอรัม ที่เหมือนจริงในวันเลือกตั้ง เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมส่งข้อมูลบางส่วนให้กับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
คดีการฮั้วเลือก สว. นี้ถูกแบ่งการดำเนินงานออกเป็นสองส่วนหลัก คือ ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้ กกต. เพื่อพิสูจน์ความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งดีเอสไอได้ร่วมเป็นอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกับ กกต. ตามมติที่ประชุม และอีกส่วนหนึ่งคือคดีอาญาในความผิดฐานฟอกเงินและอั้งยี่ ซึ่งถือเป็นคดีพิเศษที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอโดยตรง
แม้ว่าการนำเทคโนโลยี AI และ 3D Mapping มาใช้จำลองเหตุการณ์ ณ สถานที่จริงจะให้ผลเป็นที่น่าพอใจในการนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานและคำให้การของพยานที่ได้มาก่อนหน้านี้ และพบว่ามีความสอดคล้องกัน แต่ดีเอสไอยังคงมองว่า “จิ๊กซอว์” ตัวสำคัญที่จะทำให้การพิสูจน์คดีเดินไปจนสุดทาง และสาวไปถึงตัวผู้บงการเบื้องหลังขบวนการนี้ คือการ “เปิดหีบบัตรลงคะแนน” ซึ่งต้องดำเนินการร่วมกันระหว่าง กกต. และดีเอสไอต่อไป.