ดีเอสไอเร่งแกะรอย ‘เส้นเงิน’ คดีฮั้วเลือก สว. ชี้หลักฐานชัด พร้อมฟัน ‘ฟอกเงิน-อั้งยี่’

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยเฉพาะในส่วนของคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ได้แก่ ฐานความผิดฟอกเงินและอั้งยี่ ซึ่งกำลังเร่งรัดการตรวจสอบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับประเด็นเส้นทางการเงิน

คดีดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นมาจากการรายงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอและ กกต. รวม 7 คน ที่ได้ร่วมกันรวบรวมและวิเคราะห์พยานหลักฐานจำนวนมาก

พยานหลักฐานที่คณะกรรมการฯ ได้รวบรวมมานั้นมีความหลากหลาย ทั้งข้อมูลจากการสอบสวนปากคำพยาน, ความสัมพันธ์ของกลุ่มบุคคลที่อาจเกี่ยวข้อง, การตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่การเลือก สว. ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด จนถึงระดับประเทศ รวมถึงข้อมูลการกาคะแนนและการนับคะแนนที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น การเลือกหมายเลขเดียวกันซ้ำๆ กันในหลายชุด นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของบุคคลที่อยู่ในข่ายสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น คณะกรรมการฯ พบการกระทำที่เข้าข่ายว่าไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมของ สว. จำนวน 60 ราย ซึ่งอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และมีรายงานว่าในวันที่ 8 พฤษภาคม กกต. เตรียมออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาต่อ สว. ทั้ง 60 ราย เพื่อเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง

ในส่วนของการดำเนินคดีอาญาอื่นที่ดีเอสไอรับผิดชอบแยกต่างหาก คือ คดีฟอกเงินและอั้งยี่ ดีเอสไอได้เน้นย้ำว่าจะพุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบพยานหลักฐานด้านเส้นทางการเงินเป็นหลัก เพื่อพิสูจน์ว่า สว. หรือบุคคลที่ถูกกล่าวหาในขบวนการนี้ ได้รับการโอนเงิน หรือมีการทำธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงโดยตรงกับคณะบุคคลที่มีหน้าที่หรือพฤติการณ์ในการจัดตั้งขบวนการฮั้ว หรือสมยอมกันในการเลือก สว. หรือไม่

แหล่งข่าวระบุว่า หากการตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่ชัดเจนและเชื่อมโยงได้อย่างแน่นหนาว่า สว. หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการนั้น มีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการจัดฮั้วในลักษณะดังกล่าวจริง ดีเอสไอสามารถพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฟอกเงินและอั้งยี่ได้ทันที ซึ่งถือเป็นข้อหาทางอาญาที่มีบทลงโทษรุนแรงและแตกต่างจากความผิดตาม พ.ร.ป.เลือก สว. ที่ กกต. ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระบวนการตรวจสอบพยานหลักฐานด้านเส้นทางการเงินยังคงดำเนินอยู่ และดีเอสไอกำลังพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อดูความเกี่ยวข้องและความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งหมดในเส้นทางการเงินอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งนี้ ยืนยันว่าในขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ยังไม่มีการนัดประชุมเพื่อสรุปเรื่องการออกหมายเรียกผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและอั้งยี่แต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *