ดีเอสไอผนึก ตร.-มท. ลุยสอบฟอกเงินคดี “ฮั้ว สว.” ทั่วประเทศ | มท. กำชับฝ่ายปกครองร่วมงานดีเอสไอต้องเป็นไปตาม ก.ม.

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงนามหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอความร่วมมือสนับสนุนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานสมคบ “ฮั้ว สว.” ขณะที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขอให้ดีเอสไอทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั่วประเทศปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเมื่อต้องร่วมปฏิบัติงานกับดีเอสไอ

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ลงนามในหนังสือคำสั่ง ด่วนที่สุด จำนวน 2 ฉบับ เพื่อขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการดำเนินคดีพิเศษที่ 24/2568

หนังสือฉบับแรก ลงนามถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีเนื้อหาระบุว่า ดีเอสไอกำลังดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยดีเอสไอมีภารกิจที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษทั่วประเทศ

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 22 และมาตรา 22/1 ดีเอสไอจึงขอรับการสนับสนุน และขอให้ ผบ.ตร. ให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินคดีพิเศษนี้ พร้อมทั้งขอให้แจ้งพนักงานสอบสวนในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป

ในวันเดียวกัน พ.ต.ต.ยุทธนา ได้ลงนามในหนังสือฉบับที่สอง ด่วนที่สุด ถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน คือแจ้งว่า ดีเอสไอกำลังสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับความผิดตามมาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีความจำเป็นต้องสืบสวนสอบสวนพยานทั่วประเทศ

ดีเอสไอจึงขอรับการสนับสนุนและขอให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 22 และมาตรา 22/1 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พร้อมทั้งขอให้แจ้งอธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป

กรมการปกครองพร้อมร่วมมือ แต่ขอให้ดีเอสไอทำตามขั้นตอนและกำชับฝ่ายปกครอง

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุด ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง การประสานความร่วมมือในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

หนังสือดังกล่าวระบุถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการรายงานข้อเท็จจริงจากพื้นที่อำเภอ โดยนายอำเภอรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และผู้ว่าฯ ได้รายงานต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 มีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จากอดีตผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ในพื้นที่

กรมการปกครองชี้แจงว่า การรายงานดังกล่าวเป็นเพียงการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในท้องที่ตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น และยืนยันว่า กรมการปกครองยินดีให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองได้ขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินการ ดังนี้:

  1. หากดีเอสไอหรือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องการประสานขอความร่วมมือและรับการสนับสนุนจากกรมการปกครองหรือพนักงานฝ่ายปกครอง ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐานยืนยันการเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีพิเศษนั้นๆ เพื่อให้สามารถสั่งการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง โดยในเขตกรุงเทพมหานครให้แจ้งอธิบดีกรมการปกครอง ส่วนในเขตจังหวัดให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด
  2. ในการปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครองได้มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 12 เมษายน 2568 กำชับให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งสิทธิในชีวิต ร่างกาย สิทธิของบุคคลในคดีอาญา และเสรีภาพในเคหสถานตามรัฐธรรมนูญ 2560 โดยให้ถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขอบเขตความรับผิดชอบของพนักงานฝ่ายปกครองตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

การประสานงานระหว่างดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายผลการสอบสวนคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการสมคบกันกระทำความผิด โดยเฉพาะประเด็นการฟอกเงินที่อาจโยงใยกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายและเคารพสิทธิของประชาชน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *