เมาแล้วขับยังเป็นสาเหตุหลักอุบัติเหตุไทย แม้ตัวเลขลดแต่ยังน่ากังวล
แม้ว่าตัวเลขอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับในไทยจะลดลงจาก 30% เมื่อ 10 ปีก่อน เหลือ 15% ในปัจจุบัน แต่สถานการณ์ยังน่ากังวลเมื่อมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยชั่วโมงละ 7 คน โดย 56,850 รายต่อปีมีสาเหตุจากการเมาแล้วขับ
ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) จัดเสวนา “เมาแล้วขับเคลียร์ไม่ได้ไปที่ไหนก็ไม่รอด” โดย นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการ ศวปถ. ชี้ 3 ประเด็นสำคัญที่ประชาชนอยากรู้: ต้นเหตุอุบัติเหตุที่มักเกิดหลังเที่ยงคืน โดยเฉพาะหลังขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4, ข้อมูลคดีที่ควรตรวจแอลกอฮอล์ภายใน 1 ชม. เพื่อความแม่นยำ และข้อมูลการฟ้องคดีที่สังคมยังไม่เข้าถึง
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 พบผู้เสียชีวิต 287 ราย เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน โดย 1 ใน 3 เกิดในรัศมี 5 กม.จากบ้าน และการดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุอันดับ 2 (15.3%)
ด้านว่าที่ พ.ต.อ.พชร์ ฐาปนดุลย์ สตช. ยืนยันกฎหมายไทยมีมาตรฐานสากล กำหนดว่าเมาสุราคือมีแอลกอฮอล์เกิน 50 mg% (20 mg% สำหรับผู้ต่ำกว่า 20 ปี) โดยตำรวจมีอำนาจตรวจลมหายใจ ปัสสาวะ หรือเลือด และกักตัวผู้ไม่ยอมเป่า
โทษเมาแล้วขับเริ่มตั้งแต่จำคุกไม่เกิน 1 ปี จนถึง 3-10 ปี หากชนคนตาย ส่วนผู้ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปีมีโทษเพิ่มเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี
การแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน พร้อมปรับทัศนคติว่า “การดื่มไม่ใช่เรื่องปกติ” ในสังคม