ตราด – หวิดอันตราย! สองสาวพนักงานร้านคาราโอเกะ ซิ่งเก๋งกลับบ้านช่วงเช้ามืด เสียหลักพุ่งชนแท่งแบริเออร์ริมถนนสามแยกคลองใหญ่ จังหวัดตราด ล้มระเนระนาดกว่า 12 ต้น ตรวจสอบพบอยู่ในอาการมึนเมา ยอมรับดื่มสุรามาจริง แต่อ้างเหตุหักหลบรถจักรยานยนต์ที่ออกจากซอย เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ร้อยตำรวจเอกหญิง ปิยาอร คำหวาน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ประสบอุบัติเหตุชนกับแท่งแบริเออร์ ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย บริเวณสามแยกคลองใหญ่ ในพื้นที่ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด จึงรีบรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือจังหวัดตราด

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพังเสียหาย บริเวณใกล้เคียงพบแท่งแบริเออร์คอนกรีตที่ตั้งอยู่ริมถนนล้มระเนระนาดเสียหายถึง 12 ต้น สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินทางราชการเป็นอย่างมาก

จากการตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว พบหญิงสาวสองคน ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวชลธิชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ และเพื่อนหญิงสาวอีกคน อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสาร ทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายแต่อย่างใด ทว่าเจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าทั้งคู่อยู่ในอาการมึนเมาสุราอย่างเห็นได้ชัด

สอบถามเบื้องต้น ทราบว่าหญิงสาวทั้งสองคนเป็นพนักงานของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และกำลังขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวกลับบ้าน หลังจากที่เลิกงานในช่วงเช้ามืด

นางสาวชลธิชา ผู้ขับขี่ ได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสาเหตุของอุบัติเหตุว่า ขณะที่ตนเองกำลังขับรถมาถึงบริเวณสามแยกคลองใหญ่ ได้มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับออกจากซอยมาอย่างกะทันหัน ทำให้ตนเองต้องตัดสินใจหักหลบในระยะกระชั้นชิด จนเป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนกับแท่งแบริเออร์ที่ตั้งอยู่ริมทาง

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้แจ้งให้หญิงสาวทั้งสองคนทราบถึงข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ การขับรถยนต์ชนทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย และจะต้องดำเนินการนำตัวทั้งสองคนไปทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย เพื่อประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งทั้งสองคนยอมรับว่าได้ดื่มสุรามาจริง

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยึดรถยนต์เก๋งคันที่ประสบเหตุไว้เป็นของกลาง เพื่อใช้ในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป