สุดสะเทือนใจ! ลูกชายทาสยาคลั่ง อาละวาดฆ่าหลานตาย พยายามฆ่าพ่อแม่ด้วยการตัดสายเบรก วอนหน่วยงานรัฐช่วยด่วน
สุดสะเทือนใจ! ลูกชายทาสยาคลั่ง อาละวาดฆ่าหลานตาย พยายามฆ่าพ่อแม่ด้วยการตัดสายเบรก วอนหน่วยงานรัฐช่วยด่วน
บุรีรัมย์ – สองตายายที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา หลังลูกชายวัย 29 ปี ติดยาเสพติดอย่างหนัก มีอาการหลอนคลุ้มคลั่ง อาละวาดทำลายข้าวของ ข่มขู่เอาเงิน หากไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกาย ซ้ำร้ายยังเคยก่อเหตุรุนแรงถึงขั้นทำร้ายหลานสาว ม.6 จนเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดยังตัดสายเบรกรถจักรยานยนต์ที่พ่อแม่ใช้ประจำ หวังให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต พ่อแม่สุดทน วอนเจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐเร่งเข้าช่วยเหลือ ก่อนที่จะมีใครต้องตกเป็นเหยื่ออีก
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ท. กิตติทัศน์ วงษ์ถาวร สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งในบ้านดอนพัฒนา ตำบลดงอีจาน อำเภอโนนสุวรรณ หลังได้รับแจ้งจากสองตายายว่าลูกชายแท้ๆ คือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ซึ่งติดยาเสพติดอย่างรุนแรง เกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่ง อาละวาดทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน และข่มขู่ขอเงิน หากไม่ให้ก็จะทำร้ายร่างกาย
ตายายยังเล่าด้วยความทุกข์ใจถึงพฤติกรรมความรุนแรงของนายเอ ที่ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น โดยเมื่อปี 2566 นายเอเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายหลานสาวซึ่งเป็นลูกของลูกสาวคนโต ขณะที่หลานยังเรียนอยู่ชั้น ม.6 โดยใช้เท้ากระทืบหลานจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ม้ามบวม และไตช้ำ ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หลานสาวก็ยังบ่นว่าเจ็บหน้าอกอยู่ตลอด จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา หลานสาวก็ทรุดหนักและเสียชีวิตลง ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ ครอบครัวเชื่อว่าการเสียชีวิตของหลานสาวน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการถูกนายเอทำร้ายในครั้งนั้น
นอกจากนี้ นายเอยังมีพฤติกรรมชอบพกมีดติดตัว และแอบผลิตอาวุธปืนไทยประดิษฐ์อยู่ภายในบ้าน เมื่อพ่อแม่ตักเตือนก็มักจะถูกขู่ทำร้าย และเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวอย่างที่สุดคือเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายเอถึงขั้นตัดสายเบรกรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่พ่อกับแม่ใช้สัญจรเป็นประจำ คาดว่าหวังให้ทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ทำให้พ่อแม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงและไม่รู้ว่าวันไหนจะถูกลูกชายทำร้ายหรือเอาชีวิต
จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ พบร่องรอยความเสียหายภายในบ้านจริง รวมถึงมีดดาบยาว และอุปกรณ์สำหรับทำปืนไทยประดิษฐ์อยู่ข้างบ้าน ซึ่งตายายยืนยันว่าเป็นของนายเอ แต่เนื่องจากไม่พบนายเออยู่ในบ้านขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าตามข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที ทำได้เพียงรับปากกับตายายว่าจะจัดเจ้าหน้าที่แวะเวียนเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ และจะประสานผู้นำชุมชนให้ช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งแจ้งให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
นางสมบัติ (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ผู้เป็นแม่ เล่าทั้งน้ำเสียงสั่นเครือว่า ลูกชายไม่ทำงานทำการ ติดยาหนักมาก ทำลายข้าวของ ใช้ความรุนแรง เคยกระทืบหลานสาว ม.6 จนเสียชีวิตจากผลข้างเคียง แม้กระทั่งหลังหลานตาย ลูกชายยังมาเล่าว่าฝันเห็นหลานมาเข้าฝันและขอโทษ แต่พฤติกรรมก็ยังเหมือนเดิม ยังคงขู่เอาเงินประจำ ทำให้พ่อแม่ต้องอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานใจและหวาดระแวง อยากให้หน่วยงานรัฐหาทางช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพราะไม่รู้ว่าวันไหนพ่อกับแม่จะถูกทำร้าย หรืออาจเป็นศพรายต่อไป
ด้านนายฉลอม อายุ 69 ปี ผู้เป็นพ่อ กล่าวเสริมว่า ลูกชายชอบเอาของในบ้านไปขาย พอไม่มีจะขายก็ข่มขู่เอาเงินจากพ่อแม่ ตอนที่ทำร้ายหลาน ตนเองเข้าไปช่วยก็ถูกลูกชายทำร้ายด้วย ด้วยความที่อายุมากแล้วสู้แรงไม่ไหว ถึงขั้นต้องยกมือไหว้ขอชีวิตลูกชายถึงยอมหยุด ส่วนการเสียชีวิตของหลานก็เชื่อว่าเป็นผลจากที่ถูกทำร้าย สงสารหลานมากที่ต้องเสียอนาคตไป และล่าสุดที่สายเบรกรถถูกตัด ก็เชื่อว่าเป็นฝีมือลูกชาย ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแจ้งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ในทันที ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้วันไหนจะถูกลูกฆ่าตายจริงๆ
เพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันก็ยืนยันถึงพฤติกรรมความรุนแรงที่นายเอใช้กับพ่อแม่เป็นประจำ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือมากนักเพราะกลัวจะถูกทำร้ายไปด้วย จึงได้แต่หวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะสามารถหาแนวทางช่วยเหลือสองตายายคู่นี้ได้อย่างเร่งด่วน ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นอีกครั้ง.