ดร.วิศวะ ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกหลอกคุย 7 วัน 7 คืน สูญเงินเกือบ 8.5 ล้านบาท

กรุงเทพฯ – ดร.ศิวัช วิศวกรวัย 32 ปี เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อเพจสายไหมต้องรอด เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 หลังตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลอกลวงนานถึง 7 วัน 7 คืน ทำให้สูญเงินเก็บเกือบทั้งหมดกว่า 8.4 ล้านบาท

นายศิวัช เปิดเผยว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แจ้งว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเปิดบัญชีม้า ด้วยความตกใจ ปลายสายจึงให้แอดไลน์และเปิดกล้องเพื่อสื่อสาร พร้อมส่งเอกสารการอายัดทรัพย์สินปลอมมาให้ดู และบอกว่าต้องโอนเงินที่มีอยู่ทั้งหมดไปให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยมีข้อแม้ว่าห้ามออกไปพบปะผู้ใด ให้อยู่เพียงลำพังในห้อง หรือพื้นที่ที่ไม่มีบุคคลอื่นร่วมรับฟัง เนื่องจากปลายสายข่มขู่ว่าหากไม่ทำตาม จะถูกอายัดทรัพย์สินทั้งของตนเองและคนในครอบครัวทั้งหมด ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวและยอมทำตาม

พฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความซับซ้อน โดยเริ่มต้นจากการพูดคุยกับผู้หญิงคนแรก ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ในแก๊งอย่างต่อเนื่อง ที่น่าตกใจคือ ตนถูกบังคับให้คุยโทรศัพท์ค้างสายกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นระยะเวลานานถึง 7 วัน 7 คืน ห้ามวางสายเด็ดขาด มีเพียงช่วงที่อยู่บนเครื่องบินเท่านั้นที่สายจะถูกตัดไป แต่ก็ต้องรายงานตัวทุกครั้งที่เดินทางถึง

ตลอดระยะเวลา 7 วัน 7 คืนนั้น นายศิวัชถูกบังคับให้โอนเงินออกไปเรื่อย ๆ ในบัญชีปลายทางที่แตกต่างกันหลายบัญชี โดยรวมแล้ว ตนได้โอนเงินไปทั้งสิ้น 8,465,084 บาท จากบัญชีส่วนตัวทั้งหมด 5 บัญชี ใน 4 ธนาคาร รวม 11 ครั้ง นอกจากนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังพยายามให้นายศิวัชเดินทางไปยังหาดใหญ่ เพื่อนำสลากออมสินออกมาแปลงเป็นเงินสดแล้วโอนไปให้อีกด้วย

เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่หลงเชื่อ ดร.ศิวัชให้เหตุผลว่า ตนไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลากว่า 9 ปี จึงไม่เคยเผชิญกับการหลอกลวงที่ซับซ้อนในรูปแบบนี้ เมื่อกลับมาประเทศไทยได้ประมาณ 1 ปี แม้จะเคยมีเบอร์มิจฉาชีพโทรเข้ามาบ่อยครั้งและตนก็จับไต๋ได้ทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้มิจฉาชีพมีความแนบเนียนในการหลอกลวงสูงมาก ประกอบกับความกลัวคำขู่ว่าจะกระทบต่อทรัพย์สินของครอบครัว ทำให้ต้องยอมทำตามคำสั่ง

นอกจากนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังพยายามหลอกให้นายศิวัชนำโฉนดคอนโดมิเนียมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาทไปจำนองเพื่อนำเงินมาโอนให้เพิ่มเติม แต่โชคดีที่การจำนองไม่ผ่าน จึงรอดพ้นจากการสูญเสียทรัพย์สินส่วนนี้ไป

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวหลังจากรับฟังเรื่องราวว่า ทางเพจฯ จะประสานงานไปยังผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) เพื่อเร่งติดตามตัวกลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายเอกภพยังได้ฝากเตือนประชาชนว่า ปัจจุบันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้เลือกเหยื่อเฉพาะประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังพุ่งเป้าไปที่บุคคลที่มีความรู้สูง อย่างเช่น ด็อกเตอร์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกฎหมายก็ตกเป็นเหยื่อมาแล้วเช่นกัน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ให้หมดสิ้นไปโดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสังคม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *