ใจละเหี่ย! หมอโพสต์สะท้อน รพ. ไร้เงินซื้อเครื่องมือช่วยผู้ป่วย สวนทาง ‘ทิด 888’ ถลุงเปย์สาว วอนคนใจบุญหันมอง

กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นพ.ศิริอนันต์ ประสิทธิ์ ศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘โรคนิ่วน่ารู้ Urology’ สะท้อนถึงความรู้สึก ‘ละเหี่ยใจ’ เมื่อเห็นข่าวคราวของผู้ที่ถูกกล่าวถึงว่า ‘ทิด 888’ ซึ่งมีรายงานการใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลไปกับการเปย์สาวและการเล่นพนันออนไลน์ ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งกลับประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิตผู้ป่วย

ในโพสต์ดังกล่าว นพ.ศิริอนันต์ ได้เล่าถึงสถานการณ์ที่ตนเองต้องเผชิญ โดยในวันนั้นมีกำหนดผ่าตัดผู้ป่วยที่มีนิ่วเขากวางขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ ‘สลายนิ่ว’ เป็นประจำ แต่เครื่องมือชิ้นสำคัญกลับเกิดชำรุดเสียหายและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทางเดียวคือต้องจัดซื้อเครื่องใหม่เท่านั้น

ปัญหาคือเครื่องมือสลายนิ่วรุ่นใหม่มีราคาสูงถึง 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลยังไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจัดซื้อ ทำให้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการยืมเครื่องมือจากที่อื่นมาใช้เป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ สร้างความกังวลใจในการรักษาผู้ป่วย

นพ.ศิริอนันต์ ได้เปรียบเทียบสถานการณ์ดังกล่าวกับข่าวการใช้จ่ายเงินของ ‘ทิด 888’ ที่คาดว่ามีเงินใช้จ่ายถึงหลายร้อยล้านบาท โดยเฉพาะตัวเลข 500 ล้านบาทที่ปรากฏเป็นข่าว พร้อมตั้งคำถามว่า หากเงินเพียงส่วนเล็กน้อยจากจำนวนมหาศาลนั้นสามารถแบ่งปันมาช่วยเหลือโรงพยาบาลเพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องมือช่วยชีวิตผู้ป่วย จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีและได้บุญกุศลอันยิ่งใหญ่เพียงใด

“เห็นข่าวทิด 888 ถลุงเงินเปย์สาว เล่นพนันออนไลน์แล้วได้แต่ละเหี่ยใจ ทิดจะรู้มั้ยว่าโรงพยาบาลหลายๆที่ไม่มีเงินซื้อเครื่องมือในการรักษาผู้ป่วย…ถ้าทิด 888 แบ่งเงิน 500 ล้านมาให้โรงพยาบาลได้ช่วยเหลือผู้ป่วยบ้างคงจะดีไม่น้อย ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้บุญกุศลยิ่งใหญ่” นพ.ศิริอนันต์ ระบุในโพสต์

นอกจากนี้ ท่านยังได้ฝากข้อคิดไปถึง ‘ญาติธรรม’ หรือผู้มีจิตศรัทธาทั่วไปที่คิดจะทำบุญ โดยอยากให้หันมาพิจารณาการทำบุญกับโรงพยาบาลบ้าง เพราะเงินบริจาคเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการจัดซื้อเครื่องมือผ่าตัดที่จำเป็นต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยจำนวนมากได้อย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นการทำบุญที่ตรงจุดและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมโดยตรง

โพสต์ของ นพ.ศิริอนันต์ ได้รับการส่งต่อและแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนงบประมาณในระบบสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มีเครื่องมือที่เพียงพอและทันสมัยในการดูแลรักษาประชาชนทุกคนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ.