ปมร้อน อุ้มฆ่าดีเจเตเต้! โยงชู้สาวเมียเอเย่นต์ยา ‘น้ำ’ เผ่นหนีชายแดน โหนกระแสเปิดปม

กาญจนบุรี – จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญกรณีการเสียชีวิตของ ดีเจเตเต้ หรือนายวราพงษ์ อายุ 33 ปี ที่ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มหายไปตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 14 พฤษภาคม และพบศพถูกทิ้งไว้ในป่าลึก บ้านทุ่งนานางหรอก อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะถึง 2 นัด สร้างความตกใจและเสียใจให้กับครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก

รายการ โหนกระแส ซึ่งดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญ น.ส.นิด แฟนสาวของดีเจเตเต้ และคุณพ่อของดีเจเตเต้ มาร่วมเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย น.ส.นิด เล่าว่า ในคืนวันที่ 13 พฤษภาคม ดีเจเตเต้รับงานเอนเตอร์เทนลูกค้าในผับแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นงานวันเกิดของหญิงสาวรายหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นพนักงานประจำ แต่รับงานเป็นครั้งคราว คืนนั้นมีลูกค้าประมาณ 10 กว่าคน ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใดๆ เกิดขึ้น

กระทั่งช่วงเช้ามืดวันที่ 14 พฤษภาคม ดีเจเตเต้ยังไม่กลับบ้าน โทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย น.ส.นิดจึงออกตามหา ก่อนจะพบรถยนต์ของดีเจเตเต้จอดทิ้งไว้ที่หมู่บ้านซอย 7 ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี ใกล้กับบ้านของ น.ส.นิตยา ซึ่งเป็นหญิงสาวอีกคนที่เธอเพิ่งทราบภายหลังว่าดีเจเตเต้แอบคบหาอยู่

น.ส.นิดสอบถาม น.ส.นิตยา และได้ข้อมูลว่า หลังเลิกงานช่วงดึก ดีเจเตเต้กำลังขับรถไปหา น.ส.นิตยา ที่บ้าน ระหว่างทางได้โทรศัพท์คุยกัน ดีเจเตเต้สังเกตเห็นรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน คือ รถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีดำ ขับตามประกบ เมื่อไปถึงหน้าหมู่บ้านและจอดรถ รถทั้งสองคันก็ขับเข้ามาประกบ แล้วมีชายหลายคนลงจากรถ ตะโกนสั่งให้ดีเจเตเต้ลงจากรถและบังคับให้ขึ้นรถเก๋งสีดำไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเวลาประมาณ 03.53 น. โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบันทึกเสียงการพูดคุยไว้ได้ โดยได้ยินเสียงคนร้ายตะโกนว่า “ลงจากรถ” และเสียงดีเจเตเต้ตอบว่า “อะไรพี่” ก่อนที่จะถูกบังคับพาตัวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

หลังการหายตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ได้รับแจ้งว่าพบศพ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่า ต้องใช้รถโฟร์วีลขับลุยเข้าไปถึง 20 นาที ก่อนจะเดินเท้าต่อไปอีกระยะจึงพบศพ ดีเจเตเต้ถูกทิ้งไว้ในสภาพที่น่าสลดใจ ชาวบ้านที่ไปหาเห็ดในพื้นที่เล่าว่า เคยเห็นขาคนโผล่ออกมาจากชายป่าเมื่อ 3 วันก่อน แต่ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆ เมื่อเห็นข่าวการหายตัวของดีเจเตเต้ จึงย้อนกลับไปตรวจสอบอีกครั้งและพบเสื้อผ้าตรงกับที่ดีเจเตเต้ใส่ในวันหายตัวไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่

ในส่วนของแรงจูงใจในการอุ้มฆ่า ตำรวจตั้งประเด็นหลักไปที่เรื่องชู้สาว เนื่องจากดีเจเตเต้เป็นคนหน้าตาดีและมีผู้หญิงมาติดพันหลายคน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.น้ำ ภรรยาของนายมุ้ย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.กาญจนบุรี และมีหมายจับติดตัวอยู่ ก่อนหน้านี้ นายมุ้ยเคยส่งคนมาข่มขู่ให้ดีเจเตเต้เลิกยุ่งเกี่ยวกับ น.ส.น้ำ แต่ไม่สำเร็จ จึงคาดว่านี่อาจเป็นสาเหตุของการอุ้มฆ่าในครั้งนี้ โดยเชื่อว่าเป็นการกระทำของขบวนการ

ทนายรณณรงค์ กล่าวในรายการโหนกระแสว่า ได้รับทราบข้อมูลจากสายข่าวว่า น.ส.น้ำ ได้หลบหนีข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตั้งแต่วันที่ดีเจเตเต้ถูกอุ้มไป และกรณีที่ดีเจเตเต้เคยถูกทำร้ายร่างกายในผับ ก็คาดว่าน่าจะมาจากการที่ถูกขู่ให้เลิกยุ่งกับ น.ส.น้ำ ซึ่งเมื่อไม่ยอมเลิกจึงนำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าว ทราบว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องหาคนใดให้การซัดทอดถึงนายมุ้ย และหาก น.ส.น้ำ อ้างว่าเลิกรากับนายมุ้ยไปนานแล้ว ก็ควรกลับมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ด้านความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 ราย ได้แก่ นายนพพิจิตร, นายธราเทพ, นายภคนัท และนายณรงค์เดช รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 5 คน โดยก่อนหน้านี้สามารถจับกุมนายธนเดช ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญได้แล้ว และกำลังเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ

ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ถูกตั้งข้อหาถึง 12 กระทง ในจำนวนนี้มีข้อหาหนักถึง 5 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีลักษณะคล้ายอั้งยี่หรือซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและซ่อนเร้นทำลายศพ, ร่วมกันกระทำต่อศพก่อนการชันสูตร, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดตามกฎหมาย

ขณะนี้มีรายงานว่า น.ส.น้ำ ภรรยาของนายมุ้ย ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้สั่งการ ได้หายตัวไปจากบ้านแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันว่าหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านจริงหรือไม่ ส่วนนายธนเดช ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ ถูกนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลต่อไป

บรรยากาศในรายการโหนกระแสเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะเมื่อคุณพ่อของดีเจเตเต้ได้ฟังเรื่องราวสภาพศพของลูกชายที่มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะหลายนัด และถูกมัดมือมัดเท้า ทำให้ท่านถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

คดีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งคลี่คลายคดีเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *