ล่าสุดวันที่ 19 พ.ค. ดีเจมะตูม เตชินท์ ได้มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “Bangmod Aesthetic Hospital” อย่างเป็นทางการ ที่ ห้องประชุมอัศดา ชั้น 5 โรงพยาบาลบางมด เอสเธติค ถ.พระราม2 พร้อมอัพเดตหัวใจ หลังเปิดตัวแฟนหวานฉ่ำรับวันวาเลนไทน์

โดยดีเจมะตูมเผยว่า “เรียกว่าเป็นจิ๊กซอว์ที่เพอร์เฟ็กต์ ตูมผ่านชีวิตความรักที่มันโลดโผนมาเยอะ วิ่งตามก็มี โดนตามก็มี แต่อันนี้มันเหมือนมีสเปซที่พอดีมากกว่า อาจจะเพราะว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ด้วย ถามว่าไปเจอกันได้ยังไง น่าจะเป็นมรสุมโควิดที่ส่งเขามา หลังมรสุมก็จะมีสายรุ้งสวยงามรออยู่(ยิ้ม) จนถึงวันนี้ก็คุยกันมาประมาณ 4 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้ปิด แต่ว่าเราก็ไม่ได้เปิดเพราะว่าตัวของพี่เขาไม่ได้อยากเปิด ความที่เขาเป็นคนนอกวงการและเป็นนักธุรกิจด้วย”

“ส่วนที่เห็นว่าเราลงรูปในโซเชียลนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเปิดตัวหรืออะไร เราจะลงเฉพาะโอกาสสำคัญ อย่างที่ลงวันวาเลนไทน์มันก็ควรให้เกียรติเขาเฉยๆ แต่ว่าจริงๆ เราจะมีสเปซให้กันในเรื่องของงาน เพราะในวงการตูมก็ยังเล่นกับผู้ชายปกติ เราเล่นกับคนได้แต่สุดท้ายแล้วเรารู้ว่าเราต้องกลับไปนอนที่ไหน(ยิ้ม)”

“หลังจากที่ลงรูปไปก็เป็นข่าวเยอะ ตัวพี่เขาก็มีเกร็งๆ แต่ว่าก่อนจะลงรูปตูมก็ขออนุญาตทุกครั้ง เราไม่ได้ลงเพื่ออยากให้ใครรู้ว่าเรามีสถานะอะไร แต่เราลงเพื่อให้เขารู้ว่าเขามีตัวตน แล้วที่ลงไปหลายคนถามว่าทำไมไม่ให้เห็นหน้า คือพี่เขาขอไม่ให้เห็นครับ เขาอายุเยอะแล้วด้วยเลนไม่กล้า อายุห่างกันเกือบ 10 ปี จริงๆ ที่ผ่านมาเราไม่เคยคบเด็กอยู่แล้ว มีแฟนแต่ละคนคืออายุมากกว่าหมดเลย ด้วยกายหยาบเราอาจจะชอบเด็ก แต่ถ้าในเรื่องของการวางอนาคตมีชีวิตด้วยกันเรามองว่าผู้ใหญ่เขาจะมีมายด์เซ็ตบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะพัฒนาตัวเองและเติบโตไปในทุกวันกับเขา”

“ถามว่าคบรุ่นใหญ่เป็นยังไงบ้าง ดีครับ ประสบการณ์เยอะดี พี่เขาเป็นคนอบอุ่นมาก เหมือนได้นอนตื่นมาอยู่ในตู้ซาวน่าทุกวัน การที่คนที่เขาไม่ได้เป็นแค่แฟน แต่เป็นเพื่อน เป็นพี่ และเป็นที่ปรึกษาให้เราได้มันดีมากเลยนะครับ ตุ้มใช้คำว่าเหมือนเป็นคู่ชีวิตดีกว่า จนเลยคำว่าแฟนไปแล้ว”

คาดหวังเรื่องแต่งงานไหม? “ตั้งแต่ที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมก็แอบมีแชร์ลิงก์ไปให้เขาดูบ้าง แต่เขาก็ส่งเป็นรูปหมากลับมา(หัวเราะ) ตูมมองว่าการสมรสมันเป็นเรื่องของคนสองสองคนจริงๆ ต่อให้ประเทศเรามีกฎหมายรองรับตรงนี้ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วถ้าเกิดว่าตัวเขาไม่ เราก็จะไม่ไปบังคับอยู่แล้ว ถามว่าใจเราอยากแต่งไหม ยังไงก็ได้เลยครับ ไม่ได้ซีเรียส อีกอย่างจะแต่งหรือไม่แต่งมันไม่ได้มีผลต่อความสัมพันธ์ของเราสองคนด้วย แต่งไม่แต่งไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตเหมือนแต่งหรือเปล่า”

มีโอกาสได้เจอครอบครัวฝ่ายชายหรือยัง? “ไปเจอมาแล้วครับ เปิดตัวในวันตรุษจีนเรียบร้อย ตื่นเต้นมาก จริงๆ ไม่ได้เรียกว่าเปิดตัวหรอก แต่เหมือนเขาพาเราไปในวันสำคัญของครอบครัวเขา แล้วเราก็ช็อกเพราะไม่คิดว่าเขาจะพาไป อีกอย่างตัวเขาเองไม่ได้เปิดตัวกับที่บ้านด้วยว่ามีสถานะทางเพศยังไง แล้ววันที่เขาพาเราไปนั่นคือเขาเปิดทั้งเรื่องเพศและเรื่องเราไปเลย บอกตรงๆ ว่าเราก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าครอบครัวของพี่เขาน่ารักมากๆ เลย ขอบคุณครอบครัวพี่เขาด้วยที่เปิดประตูรับตูมอย่างดีมาตลอด 4 ปีเลย ชีวิตตอนนี้ก็แฮปปี้ แต่ว่ายังไม่ได้มีข่าวดีนะ ใจเย็นๆ”

ถามถึงเรื่องที่ส่งพวงหรีดไปแสดงความอาลัยในงานศพพ่อของดิว(อริสรา)? “คือวันที่ยายของตูมเสีย พวงหรีดของดิวมาเป็นคนแรกๆ เลย มันทำให้เราย้อนคิดไปถึงวันนั้น โอเคเรื่องส่วนตัวของเพื่อนเรามันก็คงเป็นคดีความที่เขาจะต้องไปแก้ไขกันเอง ใครทำอะไรไว้ก็ต้องไปแก้ไขในสิ่งนั้น แต่ว่าวันนี้ดิวไม่ใช่สูญเสียแค่ภาพลักษณ์และชื่อเสียง แต่เขาสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวเขาไป ตูมก็อยากจะเป็นกำลังใจ จริงๆ ไม่ใช่แค่ตูมนะ เพื่อนๆ ในวงการหลายคนก็ส่งไป หรือแม้กระทั่งคู่กรณีเขาเองก็ยังส่งไป เพราะว่าเราทุกคนไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรกันก็ตาม แต่สุดท้ายโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วมันต้องแยกแยะ นี่คือเรื่องของครอบครัว ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งกับทางครอบครัวของดิวด้วยครับ”

ทุกวันนี้ยังได้คุยกับดิวเป็นการส่วนตัวไหม? “มีคุยบ้าง แต่ว่าเดือนที่ผ่านมาไม่ได้คุยเลยเพราะว่าเรางานยุ่งมาก อีกอย่างพอมีเรื่องราวของคดีความเราก็ไม่กล้าเข้าไปพูดคุยอะไรเยอะ แต่สภาพจิตใจของดิวดีขึ้นตามลำดับ เราเองก็ส่งกำลังใจให้ทุกฝ่าย ถามว่าเป็นห่วงอะไรในตัวเพื่อนบ้าง จริงๆ ไม่ได้ห่วง เพราะตูมรู้สึกว่าทางออกมันมีอยู่แล้ว”

ที่ผ่านมาเราเคยโดนยืมเงินไหม? “มีคนมายืมเงินตูมตลอด แต่ไม่ใช่กรณีนี้อยู่แล้วครับ ตูมไม่ค่อยให้ใครยืมเงินด้วยเพราะตัวเราเองไม่ค่อยมีเงินให้ใครยืม ตูมไม่มีลูกหนี้นะ เพราะเวลาใครยืมตูมจะให้เลย เช่นมีคนขอยืม 2 หมื่น ตูมบอกว่าให้หมื่นนึงเอาไปเลย แล้วตูมไม่เอาแล้ว”

พอจะทราบเหตุผลไหมว่าทำไมดิวถึงยังไม่กลับมาเมืองไทย? “อันนี้ตูมไม่ทราบเลยครับ เหตุผลอยู่ที่ดิวต้องให้ดิวตอบเองเรื่องนี้ แต่คิดว่ายังไงก็ต้องกลับมาแหละเพราะเมืองไทยก็คือบ้านของเขา อย่างที่บอกว่าตอนที่คุยกันเราก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดอะไรทั้งนั้น ส่งแค่กำลังใจอย่างเดียวเลย ตูมเป็นพลังบวกให้เพื่อนเท่านั้น เพราะเขาเจอพลังลบเยอะแล้ว”