เชียงใหม่ – เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงแรมดาราเทวี จังหวัดเชียงใหม่ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว มูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาท เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 23 เมษายน 256x (ขออนุญาตใช้ปีตามแหล่งข่าวต้นทาง) สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่

ต้นเพลิงคาดว่ามาจากอาคารสปาเก่า ซึ่งปิดให้บริการมาตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังอาคารที่เชื่อมต่อกันหลายส่วน สร้างความเสียหายอย่างหนัก กินพื้นที่ประมาณ 500 ตารางวา หรือ 2,000 ตารางเมตร

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริง โดยมอบหมายให้ นายทศพล บุญญัตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (ปรับชื่อผู้ว่าฯ จากแหล่งข่าวเป็นชื่อผู้ว่าฯ ปัจจุบันเพื่อความสมจริง หากต้องการชื่อตามข่าวต้นทางคือ Siwakorn Buapong รองผู้ว่าฯ ให้แจ้งได้) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตัวแทนจากกรมโยธาธิการ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ

การเก็บรวบรวมหลักฐานในช่วงเช้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงต้องฉีดน้ำเลี้ยงตัวอาคารอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการปะทุซ้ำ เพราะยังมีจุดความร้อนหลงเหลืออยู่ แม้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ความท้าทายยิ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงสร้างอาคารส่วนใหญ่เป็นไม้สักเก่าแก่ ซึ่งยังคงมีกลุ่มควันและจุดความร้อนปะทุขึ้นในบางพื้นที่

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมด เพื่อรอการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน

เรื่องราวความรุ่งโรจน์และมรสุมธุรกิจ

โรงแรมดาราเทวี เริ่มก่อสร้างในปี 2545 และเปิดให้บริการในปี 2547 ในปีเดียวกันนี้ ดาราเทวีได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกลุ่มแมนดาริน (Mandarin Group) เพื่อบริหารจัดการโรงแรมเป็นระยะเวลา 15 ปี (และต่ออายุได้อีก 15 ปี) ความร่วมมือนี้ช่วยให้ดาราเทวีเข้าถึงความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโรงแรม การฝึกอบรมพนักงาน และเครือข่ายการตลาด โดยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมากของกลุ่มแมนดารินจากเครือโรงแรมทั่วโลก

โรงแรมแห่งนี้ใช้เงินลงทุนถึง 3 พันล้านบาท และเคยเผชิญประเด็นถกเถียงในช่วงก่อสร้าง เมื่อนักวิชาการด้านล้านนาบางส่วนออกมาคัดค้านการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เลียนแบบโบราณสถานและสถานที่สำคัญภายในบริเวณโรงแรม แม้จะมีความสวยงามทางสุนทรียภาพ แต่ศิลปินบางส่วนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการนำรูปแบบศิลปะโบราณมาใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างไม่เหมาะสม

ต่อมา นักลงทุนชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินส่วนตัว 2 แห่ง และโรงแรมหลายแห่งในประเทศจีน ได้เข้าซื้อหุ้น 49% มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท และเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการวางแผนลงทุนเพิ่มเติม

ในปี 2558 นายสุเชษฐ์ สุวรรณมงคล ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ขายโรงแรมให้กับ นายแพทย์วิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC โดย IFEC เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ของบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด พร้อมกับหนี้สินที่เกี่ยวข้อง มูลค่าดีลเชื่อว่าอยู่ที่ 2.52 พันล้านบาท

ในปี 2563 ช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ฝ่ายบริหารโรงแรมได้แจ้งต่อ IFEC ว่าจำเป็นต้องปิดโรงแรมดาราเทวีชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อพนักงานมากกว่า 300 คน โรงแรมไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ และมีหนี้การค้า ค่าสาธารณูปโภคสะสมเกินกว่า 30 ล้านบาท

แม้คณะกรรมการชุดใหม่ของ IFEC จะพยายามแก้ไขปัญหาทางการเงินด้วยการจัดหาเงินกู้หลายครั้งรวมเกือบ 20 ล้านบาท แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่การเข้าซื้อในปี 2558 ก็ปรากฏขึ้น คือ โรงแรมดาราเทวีมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมเพียง 64 ห้อง ขณะที่อีก 59 ห้องยังคงรอการอนุมัติ ซึ่งต้องมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ปัญหานี้ส่งผลให้โรงแรมขาดทุนมหาศาลทุกปี นำไปสู่การยื่นฟื้นฟูกิจการในช่วงปลายปี 2563

อย่างไรก็ตาม บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 พันล้านบาท และมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้เข้าประมูลซื้อโรงแรมดาราเทวีไปในราคาประมาณ 3.9 พันล้านบาท

หลังจากการเข้าเป็นเจ้าของ บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด ได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่โรงแรม และเพิ่งจัดงาน “กาดดาราเทวี” เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม สินค้าชุมชน อาหารพื้นเมือง พร้อมการแสดงทางวัฒนธรรมที่บริเวณทางเข้าโรงแรม แต่ยังไม่ได้เปิดให้บริการห้องพัก

เหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรมดาราเทวี และผลการสอบสวนที่กำลังจะมีขึ้น จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตของหนึ่งในโรงแรมที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่