เชียงใหม่ – ผู้ถือหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงแรมดาราเทวี ออกมาแสดงข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุเพลิงไหม้โรงแรมครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ชี้อาจมีต้นเหตุจากบริษัทร่วมทุนที่เข้าบริหารพื้นที่ ได้ทำการต่อระบบไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมายและขาดมาตรฐานความปลอดภัย แม้เคยได้รับการเตือนและคำสั่งให้ระงับการใช้อาคารจากเทศบาลแล้วก็ตาม

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รุนแรงที่โรงแรมดาราเทวี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 23 เมษายน 2568 ซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาลและกระทบต่อภาพลักษณ์ของโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งนี้อย่างมาก นางสาว ยุพาพร ฤทธิ์สมจิตต์ ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้น IFEC ได้นำหลักฐานเข้ายื่นต่อสื่อมวลชน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เพลิงไหม้ดังกล่าวอาจมีต้นเหตุจากการที่บริษัทร่วมทุนที่เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่บางส่วนของโรงแรม ได้ดำเนินการเปิดใช้งานอาคารในลักษณะที่เสี่ยงอันตรายและไม่เป็นไปตามกฎหมาย

การเข้าซื้อกิจการที่ซับซ้อน และปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน

นางสาว ยุพาพร ได้อธิบายถึงที่มาของการบริหารจัดการโรงแรมดาราเทวีในปัจจุบันว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (I THERMAL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ IFEC ได้เข้าประมูลทรัพย์สินของโรงแรมดาราเทวีสำเร็จ ในการประมูลดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของเจ้าของร่วมเดิม 2 ราย คือ บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด และบริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดย I THERMAL ประมูลได้ในราคา 3,650 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนดชำระเงินต่อกรมบังคับคดี I THERMAL สามารถชำระเงินได้เพียงส่วนที่เป็นทรัพย์สินของ บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด จำนวน 2,371.4 ล้านบาท แต่ไม่สามารถชำระเงินในส่วนของทรัพย์สิน บริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 1,223.22 ล้านบาท ได้ ทำให้กระทรวงต้องนำทรัพย์สินของ APK ออกประมูลใหม่ และมีผู้ประมูลรายอื่นได้ไป

หลังจากการเข้าซื้อทรัพย์สินในส่วนของ บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด ทางนายทวิช เตชะนาวากุล ประธานกรรมการของ IFEC และ I THERMAL ได้ร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ซึ่งนำโดยนายสุพันธ์ เศรษฐพานิช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลาริส แอสเซท แมเนจเม้นท์

ปัญหาสำคัญคือ ทรัพย์สินส่วนที่ I THERMAL ได้มานั้นประสบปัญหาด้านสาธารณูปโภคอย่างรุนแรง คือ ไม่มีระบบน้ำประปา ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย และมีระบบไฟฟ้าใช้งานได้เพียงประมาณ 20% ของพื้นที่

“นี่คือต้นตอสำคัญของปัญหาในการบริหารจัดการสาธารณูปโภคของโรงแรมดาราเทวี ซึ่งท้ายที่สุดนำไปสู่เหตุการณ์เพลิงไหม้ร้ายแรงที่ทำให้ตัวอาคารเทวาสปา (Dheva Spa) เสียหายทั้งหมด” นางสาว ยุพาพร กล่าว

สิ่งสำคัญคือ ระบบดับเพลิงและระบบน้ำฉุกเฉินของโรงแรมนั้น อยู่ในส่วนทรัพย์สินที่ผู้ประมูลรายอื่นได้ไป (ส่วนของ APK) ทำให้ บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการ ไม่สามารถเปิดใช้งานโรงแรมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ด้วยข้อบกพร่องดังกล่าว เทศบาลตำบลท่าศาลา จึงได้มีคำสั่งให้ปิดอาคารจำนวน 5 หลัง เนื่องจากมีการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีระบบสาธารณูปโภคตามที่กฎหมายกำหนด

ข้อกล่าวหาเรื่องความประมาทและการละเลย

ตัวแทนผู้ถือหุ้นระบุว่า หลังการเข้าครอบครองและตั้งบริษัทร่วมทุน พื้นที่โรงแรมดาราเทวีส่วนที่บริหารโดย สยาม เอสเตทฯ ถูกปล่อยปละละเลย ขาดการดูแล ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ แม้ผู้ถือหุ้นจะเคยมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังบริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด หลายครั้งแล้วก็ตาม

จากภาพหลักฐานยืนยันได้ว่า อาคารเทวาสปา ซึ่งเป็นจุดที่เพลิงไหม้ ได้มีการต่อระบบไฟฟ้าเพื่อใช้งาน โดยมีภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงการเดินสายไฟฟ้าที่อันตราย และมีการต่อพ่วงโดยไม่ผ่านห้องควบคุมระบบไฟฟ้าหลัก

นางสาว ยุพาพร ให้เหตุผลว่า เพลิงไหม้อาจเกิดจากการใช้ระบบไฟฟ้าอย่างไม่ถูกต้อง คือ มีการต่อสายไฟแบบชั่วคราว ไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการควบคุมแรงดันไฟฟ้า ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้

นอกจากนี้ เนื่องจากโรงแรมไม่มีระบบน้ำประปาของตัวเอง บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ยังต้องลากสายยางข้ามถนนเพื่อไปต่อน้ำจากวัดบุปผาราม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

ระบบน้ำใต้ดินของโรงแรมก็ไม่สามารถใช้งานได้ จึงจำเป็นต้องติดตั้งท่อน้ำแบบลอยบนดิน ซึ่งดูไม่สวยงาม และยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของโรงแรมเสียหาย

แม้บริเวณอาคารเทวาสปาจะมีระบบท่อน้ำแรงดันสูงล้อมรอบ แต่ระบบดังกล่าวกลับไม่ทำงานในระหว่างเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากปั๊มที่จำเป็นต่อการใช้งานระบบนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ทรัพย์สินของ บริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

การขาดระบบดับเพลิงที่ใช้งานได้จริงนี้เอง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาคารเทวาสปาถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลารอการนำน้ำมาเติม ทำให้เพลิงลุกลามไปอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายทางกายภาพ แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชื่อเสียงของโรงแรมดาราเทวี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ขณะที่ข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป