รองนายกฯ ‘ประเสริฐ’ ดัน ภาคีอาสา สสส. สร้าง ‘จังหวัดเข้มแข็ง’ ลดเหลื่อมล้ำสุขภาพ พร้อมย้ำ! ขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ผิด กม.อาชญากรรมไซเบอร์

กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้เป็นประธานการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 4/2568 โดยมีวาระสำคัญคือการขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาวะของประเทศ

ที่ประชุมได้รับทราบถึงการจัดตั้ง “ภาคีอาสา” หรือ คณะกรรมการภาคีสานพลังพื้นที่เข้มแข็ง (ภสพ.) ซึ่งเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของ 7 หน่วยงานยุทธศาสตร์ ได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.), สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ภาคีอาสาชุดนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อน “แผนงานสร้างจังหวัดเข้มแข็ง” โดยใช้พื้นที่เป็นฐานและบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้ง 7 หน่วยงานจะร่วมกันเชื่อมโยงข้อมูล กำหนดยุทธศาสตร์ บูรณาการทรัพยากร และสนับสนุนนวัตกรรมเชิงพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดช่องว่างทางสังคม และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ

นายประเสริฐ กล่าวเน้นย้ำว่า สุขภาวะที่สมบูรณ์ของประชาชนขึ้นอยู่กับ 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ พฤติกรรมสุขภาพที่ดี สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ชุมชนที่เข้มแข็ง ระบบบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ และนโยบายสาธารณะที่ดี การบูรณาการข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพของประเทศ

แม้ดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพของไทยจะอยู่ในอันดับ 5 ของโลก แต่ข้อมูลในปี 2567 พบว่า อายุคาดเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 76.56 ปี ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 78 ของโลก นอกจากนี้ ข้อมูลปี 2565 ยังชี้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตในกลุ่มอายุน้อยและวัยทำงานกว่า 170,000 คน เกิดจากอุบัติเหตุและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การร่วมมือในรูปแบบ “ภาคีอาสา” เพื่อสร้างจังหวัดเข้มแข็ง ซึ่งสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจแก้ปัญหาในพื้นที่ได้เอง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง จึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระจายอำนาจและสร้างโอกาสให้ประชาชนในระดับพื้นที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างกรอบนโยบายแนวทางการจัดทำแผนการดำเนินงานและวาระกลาง ประจำปี 2569 ซึ่งรวมถึงการขับเคลื่อนประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นปัญหาในวงกว้าง นายประเสริฐ ได้ฝากให้ สสส. สื่อสารปัญหาและอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน และย้ำว่า การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์นั้นเป็นความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับใหม่) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568

พระราชกำหนดฉบับใหม่นี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการโฆษณาหรือซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จะแจ้งเตือนให้เจ้าของแพลตฟอร์มรับทราบถึงความรับผิดร่วมกับผู้ขายสินค้าผิดกฎหมาย เพื่อลดช่องทางการขายผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ในทุกมิติ

นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุน สสส. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายของ ภสพ. ว่า คือการขับเคลื่อนกระบวนการนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมในระดับจังหวัด จัดการปัจจัยกำหนดสุขภาพที่สำคัญ และมีตัวชี้วัดที่วัดผลได้ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ

แผนขับเคลื่อนในปี 2568 จะเริ่มใน 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย นครสวรรค์ ขอนแก่น ตราด และพัทลุง และจะขยายผลครอบคลุม 13 เขตสุขภาพในปี 2569 โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งการลดอัตราการป่วย การเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต แผนงานยุทธศาสตร์ของทุกจังหวัดจะถูกนำเสนอต่อกรรมการบริหาร 7 หน่วยงานยุทธศาสตร์เพื่อพิจารณาต่อไป โดยใช้ข้อมูลบูรณาการทั้งด้านประชากร สุขภาพ เศรษฐกิจ อายุคาดเฉลี่ย และฐานข้อมูลภาคีอาสาในการกำหนดทิศทาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *