รอง ผบช.น. ลงพื้นที่คดีฆาตกรรม นวลจันทร์ 22 ชี้ชัด ‘ล็อกเป้าสังหาร’! ตั้ง 4 ปมเดือด ประวัติเหยื่อโชกโชน เพิ่งพ้นคุก
กรุงเทพฯ – ความคืบหน้ากรณีเหตุอุกอาจ คนร้ายบุกกระหน่ำยิงชายหนุ่มวัย 34 ปี เสียชีวิตอย่างสลดด้วยบาดแผลกระสุนปืน 9 นัด บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ภายในซอยนวลจันทร์ 22 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า คนร้ายเข้ามาตามหาผู้ตายก่อนลงมือก่อเหตุนั้น ล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูนสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและเร่งรัดคดีด้วยตนเอง
เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูนสวัสดิ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) และทีมตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณตึกแถวในซอยนวลจันทร์ 22 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญนี้
การประชุมหารือแนวทางการสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมหลักฐานสำคัญหลังเกิดเหตุ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง รวมถึงการแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย โดยขณะนี้ตำรวจมีภาพจากกล้องวงจรปิดด้านหน้าสถานบริการแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตไว้ได้ แต่ภาพดังกล่าวยังไม่สามารถมองเห็นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายได้อย่างชัดเจน ทำให้ชุดสืบสวนต้องเร่งควานหาภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในพื้นที่แวดล้อม และตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี เพื่อให้ได้รายละเอียดของยานพาหนะและรูปพรรณของคนร้ายอย่างครบถ้วน
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยหลังการลงพื้นที่ว่า จากการสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ทราบว่าผู้ตายเป็นชายอายุ 34 ปี เพิ่งพ้นโทษในคดีลักทรัพย์ออกจากเรือนจำมาได้เพียง 3 เดือน และยังไม่มีงานทำ ต้องอาศัยอยู่กับญาติย่านสุขาภิบาล 5 โดยผู้ตายมีประวัติอาชญากรรมค่อนข้างโชกโชน เคยต้องคดีลักทรัพย์มาแล้วถึง 3 คดี เกิดขึ้นในปี 2563 ในพื้นที่ สน.ดินแดง 2 คดี และ สภ.โพธิ์แก้ว จังหวัดสมุทรปราการอีก 1 คดี
สำหรับในวันเกิดเหตุ ผู้ตายได้ขับรถเข้ามาในซอยนวลจันทร์ 22 เนื่องจากเคยทำงานเป็นคนคุมสถานบริการแห่งหนึ่งในบริเวณดังกล่าว และเคยพักอาศัยอยู่ในซอยนี้มาก่อน นอกจากนี้ แฟนสาวของผู้ตายก็ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
เกี่ยวกับสาเหตุของการสังหารโหดในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นข้อสันนิษฐานไว้ทั้งหมด 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความขัดแย้งเก่าที่เกิดขึ้นก่อนผู้ตายต้องโทษคดีลักทรัพย์, ปัญหาทะเลาะวิวาท ทั้งที่เคยเกิดขึ้นก่อนและหลังพ้นโทษ, ประเด็นชู้สาว และ ปัญหาเกี่ยวกับการพนัน
ตรวจสอบบาดแผลของผู้ตาย พบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด โดยเจ้าหน้าที่สามารถเก็บปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุได้มากถึง 15 ปลอก ส่วนบาดแผลบนร่างกายผู้ตายนั้นพบที่บริเวณศีรษะ 5 นัด และที่ลำตัวอีก 4 นัด รวมทั้งหมด 9 นัด
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังกล่าวถึงพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือว่า จับภาพคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ PCX โดยคนขับสวมเสื้อฮู้ดสีเทาคลุมศีรษะ ส่วนคนซ้อนท้ายสวมเสื้อคลุมสีดำและสวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ คนร้ายทั้งสองได้ขับขี่เข้ามาวนดูในซอยก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นเข้าไปในโต๊ะสนุ๊กเกอร์ แต่เมื่อไม่พบเป้าหมายจึงออกมา และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายขับรถเข้ามาในซอยพอดี ทำให้ผู้ก่อเหตุวนรถกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเรียกชื่อผู้ตาย และลงจากรถเข้ามากระหน่ำยิงในระยะเผาขน
จากพฤติการณ์ของคนร้ายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด รอง ผบช.น. ชี้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ ‘เจตนามาก่อเหตุแบบล็อกเป้า’ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับการทำงานของกลุ่มมือปืนรับจ้างอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบงานสอบสวน ก็ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน พร้อมสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดในส่วนงานสอบสวนต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด