ด่วน! กรมควบคุมโรค เผยยอดผู้เสี่ยงสูง “แอนแทรกซ์” 247 คน หลังเสียชีวิต 1 ราย เร่งคุมโรคในพื้นที่ ย้ำ 5 วิธีป้องกันสำคัญ
กรุงเทพฯ, 1 พฤษภาคม 2568 – นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาเปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) หลังพบผู้เสียชีวิต 1 รายในจังหวัดมุกดาหาร พร้อมแจ้งยอดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 200 คน โดยกำชับให้ประชาชนป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด
นพ.ภาณุมาศ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุ 53 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน อาชีพรับจ้างก่อสร้าง ผู้ป่วยเริ่มมีตุ่มแผลขึ้นบริเวณมือข้างขวาตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในวันที่ 27 เมษายน 2568 ด้วยอาการแผลที่มือมีสีดำชัดเจนขึ้น ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ข้างขวาโต ร่วมกับอาการหน้ามืดและชักเกร็ง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
“ขณะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา แพทย์ได้สงสัยโรคแอนแทรกซ์ จึงได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถาบันบำราศนราดูร ซึ่งผลยืนยันพบเชื้อ Bacillus anthracis จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น คาดว่าปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการชําแหละโคในงานบุญผ้าป่า และมีการนำเนื้อโคที่ชําแหละไปแจกจ่ายให้ประชาชนในหมู่บ้านรับประทานกัน” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ขณะนี้ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับทีมจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และทีมปศุสัตว์ในพื้นที่ ลงสอบสวนโรคเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน พบผู้สัมผัสโรคทั้งสิ้นจำนวน 247 คน โดยแบ่งเป็นผู้ที่ร่วมชำแหละโคจำนวน 28 คน และผู้ที่บริโภคเนื้อโคดิบจำนวน 219 คน ซึ่งขณะนี้ได้ให้ยาในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่อย่างเข้มข้น
ทำความรู้จักโรคแอนแทรกซ์: โรคติดต่อร้ายแรงจากสัตว์สู่คน
นพ.ภาณุมาศ อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Bacillus anthracis ซึ่งสปอร์ของเชื้อนี้มีความทนทานสูงมากต่อสภาพแวดล้อม และสามารถก่อให้เกิดโรคได้แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แหล่งรังโรคหลักของเชื้อคือสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยเฉพาะ โค กระบือ แพะ และแกะ ซึ่งเชื้อสามารถแพร่มาสู่คนได้โดยตรง
การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น หนังสัตว์ ขนสัตว์
หลังได้รับเชื้อประมาณ 1 – 5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่องทางรับเชื้อ แต่อาการที่รุนแรงอาจมี ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง มีแผลที่ผิวหนังลักษณะคล้ายถูกบุหรี่จี้ ซึ่งมักมีสีดำตรงกลางและรอบๆ บวมแดง หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดหรือทางเดินหายใจ อาจมีอาการหายใจขัด หายใจลำบาก และหากมีอาการรุนแรง โอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 80
สถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ในอดีตและประเทศเพื่อนบ้าน
ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่าในอดีต ประเทศไทยเคยพบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ในปี พ.ศ. 2543 รวม 15 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่เกิดในจังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก การระบาดที่พิจิตรคาดว่ามาจากสัตว์ที่เคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ ส่วนที่พิษณุโลกพบในผู้ที่ชำแหละซากแพะรับประทานเอง
ล่าสุดในปี พ.ศ. 2560 พบผู้ป่วย 2 รายในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งทั้งสองคนได้ชำแหละซากแพะที่นำมาจากประเทศเมียนมาโดยไม่ได้สวมถุงมือ
สำหรับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย พบว่าในปี พ.ศ. 2567 ประเทศลาวพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์รวม 129 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม 2566 ประเทศเวียดนาม พบการระบาด 3 เหตุการณ์ มีผู้ป่วยรวม 13 ราย และผู้สัมผัสอีก 132 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานเนื้อโคและกระบือเช่นกัน
5 วิธีป้องกันโรคแอนแทรกซ์ที่ประชาชนควรรู้
นพ.ภาณุมาศ ได้ย้ำถึงมาตรการป้องกันโรคแอนแทรกซ์ที่ประชาชนควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ได้แก่:
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับโค กระบือ แพะ แกะ ที่มีอาการป่วยหรือตายผิดปกติ
- ล้างมือและชำระล้างร่างกายให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์หรือซากสัตว์
- เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผ่านกระบวนการปรุงสุกอย่างถูกต้อง
- หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที ห้ามนำมาชำแหละหรือบริโภคโดยเด็ดขาด
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีแผลที่ผิวหนังคล้ายถูกบุหรี่จี้ มีไข้ หรืออาการอื่นๆ ที่เข้าข่าย ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที
ประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคแอนแทรกซ์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422