ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ Money Cash Back EP.3 กู้เงิน 2 ล้านคืนอดีตข้าราชการวัย 74 ถูกหลอกสูญเกือบ 4 ล้าน
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ บช.สอท. พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ศิลา กาญจนลักษณ์ ผู้บังคับการกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.) และพันตำรวจเอก สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าของปฏิบัติการตามโครงการ “Money Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.3” ซึ่งนำไปสู่การอายัดเงินในบัญชีม้าและกู้เงินจำนวน 2 ล้านบาทคืนให้กับผู้เสียหาย
พลตำรวจโท ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ให้ บช.สอท. เร่งปราบปรามปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการใช้บัญชีม้า บช.สอท. จึงได้ดำเนินโครงการ “Money Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” อย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำผิดและอายัดทรัพย์สินเพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย
สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงอายุ 74 ปี ซึ่งเคยเป็นอดีตข้าราชการ เข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ว่าถูกกลุ่มคนร้ายหลอกลวง โดยคนร้ายรายแรกได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตร ติดต่อมายังผู้เสียหายเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลบำนาญตกทอดและสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล ก่อนจะหลอกให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชันไลน์ และใช้ช่องทางนี้ในการพูดคุยหลอกลวงจนผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้โอนเงินให้คนร้ายไปหลายครั้ง
ความซับซ้อนของการหลอกลวงเพิ่มขึ้น เมื่อมีบุคคลที่สองอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ติดต่อมาแจ้งผู้เสียหายว่า บัญชีของผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า และจำเป็นต้องให้ผู้เสียหายส่งเงินทั้งหมดที่มีอยู่มาให้ตรวจสอบ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้วยความหวาดกลัวและหลงเชื่อ ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินให้คนร้ายเพิ่มเติม รวมความเสียหายทั้งสิ้น 3.9 ล้านบาท ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความ
ภายหลังรับแจ้งความ พันตำรวจเอก สุวัฒชัย ศรีทองสุข พร้อมทีมสืบสวนของ บก.ตอท. ได้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนทันที จนสามารถระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดได้ คือ นายสิทธิพงษ์ อายุ 27 ปี ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหาย
จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า นายสิทธิพงษ์ ถูกควบคุมตัวและจองจำอยู่ในเรือนจำอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานเพื่อทำการอายัดตัวนายสิทธิพงษ์ พร้อมทั้งทำการระงับธุรกรรมในบัญชีม้าของนายสิทธิพงษ์ที่ใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย และพบว่ายังมียอดเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีดังกล่าวเป็นจำนวน 2 ล้านบาท
หลังจากตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินอย่างละเอียด ยืนยันได้ว่าเงินจำนวน 2 ล้านบาทที่อายัดได้นั้น เป็นเงินที่ผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเข้ามาจริง ทางตำรวจไซเบอร์จึงได้ดำเนินการมอบคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับผู้เสียหายเป็นเช็คเงินสดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเงินคืนให้กับประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ ตามเจตนารมณ์ของโครงการ “Money Cash Back” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ บช.สอท. ที่มุ่งมั่นในการปราบปรามภัยออนไลน์อย่างจริงจังและนำเงินที่ถูกฉ้อโกงกลับคืนสู่เจ้าของโดยเร็วที่สุด