กรมศุลกากร ตรวจยึดครั้งใหญ่ ครีบฉลาม 402 ชิ้น มูลค่า 2 ล้านบาท ต้นทางตรินิแดด ซ่อนใน “DRY FISH” เข้าไทย

กรุงเทพฯ, 3 พฤษภาคม 2568 – กรมศุลกากรแถลงข่าวการตรวจยึดครั้งสำคัญ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังสามารถสกัดการลักลอบนำเข้าครีบฉลามจำนวนมาก ซึ่งแอบแฝงมาในหีบห่อที่สำแดงเป็นสินค้าประเภทอื่น โดยมีต้นทางจากประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมกว่า 2 ล้านบาท

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรภายใต้การกำชับของนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง และสินค้าผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

การตรวจยึดครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการได้รับข้อมูลการข่าวที่มีค่าจาก กรมต่อต้านการลักลอบทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (The Anti-Smuggling Bureau, General Administration of China Customs: ASB, GACC) ซึ่งแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสินค้าต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือ CITES กรมศุลกากรจึงได้เฝ้าระวังสินค้าลักษณะดังกล่าวเป็นพิเศษ

จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากกองสืบสวนและปราบปราม และสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมประมง, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าตรวจสอบหีบห่อสินค้าต้องสงสัย ณ คลังสินค้าในเขตปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

จากการตรวจสอบพบว่า หีบห่อดังกล่าวมีต้นทางมาจากประเทศตรินิแดดและโตเบโก แวะเปลี่ยนเครื่องที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยสินค้าภายในหีบห่อถูกสำแดงอย่างไม่ตรงความจริงว่าเป็น “DRY FISH” แต่เมื่อเปิดตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่กลับพบครีบปลาฉลามจำนวนมากถึง 402 ชิ้น มีน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 102 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าในท้องตลาดกว่า 2 ล้านบาท

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวเสริมว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมายหลายฉบับอย่างชัดเจน ได้แก่ ความผิดฐานนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562, ความผิดฐานนำซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, ความผิดฐานนำเข้าซากสัตว์น้ำหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์น้ำโดยไม่มีใบรับรองและใบอนุญาต ตามมาตรา 92 ประกอบมาตรา 158 และมาตรา 144 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และความผิดฐานนำเข้าของต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 242 มาตรา 244 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560

ภายหลังการตรวจยึด พนักงานศุลกากรได้ดำเนินการยึดครีบฉลามทั้งหมดไว้เป็นของกลางตามกฎหมายศุลกากร ก่อนจะส่งมอบของกลางให้กับด่านตรวจประมงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และประสานงานส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *