ปราสาทเรือนแก้วผงาด! คริสตัล พาเลซ สร้างประวัติศาสตร์ ล้ม แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรก

ลอนดอน, อังกฤษ – คริสตัล พาเลซ สร้างประวัติศาสตร์สโมสรได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังพลิกล็อกเอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าและทีมเต็ง 1-0 ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 รอบชิงชนะเลิศ ณ สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

การแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2024-25 เป็นการพบกันระหว่าง “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ที่เข้าชิงเป็นครั้งที่สาม พบกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าและแชมป์พรีเมียร์ลีก

เกมนี้ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือของ คริสตัล พาเลซ จัดทัพผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำโดยแนวรุกอย่าง อิสไมลา ซาร์, เอเบเรชี เอเซ และฌอง-ฟิลิปป์ มาเตตา ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วางแกนหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, โอมาร์ มาร์มูช และเออร์ลิง ฮาลันด์ ล่าตาข่าย

รูปเกมในครึ่งแรกเป็นไปอย่างสูสี แต่เป็น คริสตัล พาเลซ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 16 จากจังหวะที่ เอเบเรชี เอเซ ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจยิงด้วยขวา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ให้ “ปราสาทเรือนแก้ว” ออกนำ 1-0

หลังเสียประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืน และมีโอกาสหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านแนวรับที่เหนียวแน่น รวมถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูของ คริสตัล พาเลซ

จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเกิดขึ้นในนาทีที่ 36 เมื่อ แมนฯ ซิตี้ ได้ลูกจุดโทษจากจังหวะทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ โอมาร์ มาร์มูช รับหน้าที่สังหาร แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ก็โชว์ซูเปอร์เซฟ พุ่งปัดลูกยิงของ มาร์มูช ออกไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้สกอร์ยังคงเดิมที่ คริสตัล พาเลซ นำ 1-0 จนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง “เรือใบสีฟ้า” ยังคงพับสนามบุกอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสเข้าทำได้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายของ คริสตัล พาเลซ ที่เล่นเกมรับได้อย่างมีวินัยและมีโชคช่วยในบางจังหวะ ขณะที่ดีน เฮนเดอร์สัน ยังคงรักษามาตรฐานฟอร์มเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม

สุดท้าย ไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้จบเกม คริสตัล พาเลซ เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0

ชัยชนะครั้งนี้ส่งผลให้ คริสตัล พาเลซ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากที่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้งในปี 1989–90 และ 2015–16 แต่ต้องผิดหวังด้วยการเป็นรองแชมป์ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ยังทำให้ “ปราสาทเรือนแก้ว” ได้สิทธิ์ไปแข่งขันในฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้าด้วย

ในทางกลับกัน ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องจบฤดูกาล 2024-25 แบบไร้ถ้วยแชมป์รายการใดเลยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2016-17 และยังเป็นการจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นปีที่สองติดต่อกันอีกด้วย

ความสำเร็จของ คริสตัล พาเลซ ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นการตอกย้ำว่าในโลกลูกหนัง อะไรก็เกิดขึ้นได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *