คริสตัล พาเลซ ทะลุเข้าชิง เอฟเอ คัพ เป็นทีมแรก หลังถล่ม แอสตัน วิลลา ขาดลอย 3-0

ลอนดอน, อังกฤษ – “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ สร้างผลงานยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2024-25 ด้วยการเอาชนะ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ไปอย่างขาดลอย 3-0 ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศนี้เป็นการพบกันของสองทีมจากพรีเมียร์ลีก โดย คริสตัล พาเลซ ภายใต้การคุมทีมของ [ชื่อผู้จัดการทีม ณ เวลานั้น – สมมติว่าเป็น Oliver Glasner ต่อจากฤดูกาล 2023-24] จัดทัพผู้เล่นชุดแข็งแกร่ง นำโดยแนวรุกอย่าง อิสไมลา ซาร์, เอเบเรชี เอเซ และฌอง-ฟิลิปป์ มาเตตา ส่วน แอสตัน วิลลา ของกุนซือ อูไน เอเมรี่ ก็ไม่น้อยหน้า ส่ง มอร์แกน โรเจอร์ส, ยูริ ตีเลอมันส์ และโอลี วัตกินส์ เป็นแกนหลักในการเจาะแนวรับคู่แข่ง

เกมเริ่มขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักของแฟนบอลทั้งสองทีมที่เข้ามาชมในสนามเวมบลีย์ แม้ว่า แอสตัน วิลลา จะเป็นทีมที่มีผลงานในลีกค่อนข้างดี แต่ในเกมนี้กลับเป็น คริสตัล พาเลซ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจและมีประสิทธิภาพมากกว่า

ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 31 จากจังหวะที่ เอเบเรชี เอเซ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ พาเลซ แสดงทักษะเฉพาะตัว ก่อนจะหาจังหวะยิงเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ คริสตัล พาเลซ ขึ้นนำ 1-0

กลับมาในครึ่งหลัง คริสตัล พาเลซ ยังคงเป็นฝ่ายที่ครองเกมและสร้างโอกาสได้มากกว่า นาทีที่ 53 พวกเขามาได้ลูกจุดโทษ แต่ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตตา ดาวยิงชาวฝรั่งเศส กลับยิงไปติดเซฟของผู้รักษาประตู แอสตัน วิลลา อย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม “ปราสาทเรือนแก้ว” ก็มาได้ประตูที่สองในอีกเพียง 5 นาทีต่อมา ในนาทีที่ 58 จากผลงานของ อิสไมลา ซาร์ ปีกความเร็วสูง ซึ่งเป็นการตอกย้ำความได้เปรียบของทีม และทำให้สกอร์ขยับเป็น 2-0

ช่วงท้ายเกม แอสตัน วิลลา พยายามเปิดเกมรุกเพื่อหวังทำประตูตีไข่แตก แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ คริสตัล พาเลซ ที่ยืนกันอย่างมีวินัยได้ ซ้ำร้าย ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+4 อิสไมลา ซาร์ ก็มาบวกประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ และเป็นประตูปิดท้ายให้ คริสตัล พาเลซ เอาชนะ แอสตัน วิลลา ไปอย่างเด็ดขาด 3-0 ท่ามกลางความยินดีของนักเตะและแฟนบอล

จากชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้ คริสตัล พาเลซ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 และเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์สโมสร โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเข้าชิงในปี 1989-90 และ 2015-16 แต่ยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ

คริสตัล พาเลซ จะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง “เจ้าป่า” น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ หรือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจะทำการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศอีกคู่ โดยรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2025 ที่สนามเวมบลีย์

ผลงานอันยอดเยี่ยมของ คริสตัล พาเลซ ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าจับตามอง และแฟนบอล “ปราสาทเรือนแก้ว” ต่างก็หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่พวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้เป็นครั้งแรก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *