พระนครศรีอยุธยา – เกิดเหตุการณ์อุกอาจ ชายรายหนึ่งมีอาการคลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปก่อเหตุความวุ่นวายและทำร้ายร่างกายผู้อื่นภายในบาร์แห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 3 ราย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. ของคืนวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะกำลังนั่งสังสรรค์อยู่ในร้าน จู่ๆ ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านตรงไปที่บริเวณเวทีของดีเจ และปิดเพลง ก่อนจะหยิบไมโครโฟนขึ้นมาเพื่อจะพูด แต่ไมค์ไม่มีเสียง จึงใช้การตะโกนแทน โดยสั่งให้ทุกคนในร้าน “หยุดดื่ม หยุดทุกอย่าง” พร้อมกับพูดจาข่มขู่ต่างๆ นานา

เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้กับลูกค้าในร้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชายชาวจีนรายหนึ่งที่ร้อง “เฮ้ย!” ออกมาด้วยความตกใจ ปรากฏว่าชายผู้ก่อเหตุได้เดินลงจากเวทีตรงเข้าไปตบหน้าชายชาวจีนทันที ทำให้คนในร้านต้องรีบเข้าห้ามปรามและแยกตัวผู้ก่อเหตุออกไป

ทว่าเรื่องราวความรุนแรงยังไม่ยุติ ชายผู้ก่อเหตุได้เดินออกไปหน้าร้าน และพบเห็นชายสองคนยืนอยู่บริเวณทางเข้า ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองคนกำลังจะไปแจ้งการ์ดรักษาความปลอดภัย จึงพุ่งเข้าไปทำร้ายด้วยการตบหน้าและกระทืบซ้ำจนชายทั้งสองล้มลงกับพื้น ยังไม่พอ ชายผู้ก่อเหตุยังเรียกเพื่อนให้เข้ามารุมทำร้ายอีก จนกระทั่งชายทั้งสองหมดสติไปในที่สุด ทั้งที่ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน

หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายหน้าร้านยืนยันว่า พวกตนไม่ได้ไปแจ้งใคร เพียงแต่กำลังจะออกจากร้านเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างใน แต่กลับเดินไปยืนใกล้กับการ์ดพอดี ทำให้ถูกเข้าใจผิดและตกเป็นเหยื่อความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทางร้านเกี่ยวกับสาเหตุของการบุกเข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ ได้รับข้อมูลว่า ชายคนดังกล่าวต้องการเข้ามาขัดขวางไม่ให้กลุ่มแฟนเก่าของเพื่อน ซึ่งกำลังจัดงานวันเกิดในร้าน เนื่องจากเพื่อนของเขามีปัญหากับแฟนเก่าคนนี้ และชายผู้ก่อเหตุอ้างว่าทำไปเพราะไม่พอใจแทนเพื่อน

เบื้องต้น ผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และจากการตรวจสอบประวัติของผู้ก่อเหตุพบว่าน่าตกใจยิ่งกว่านั้น โดยมีรายงานว่า ชายคนดังกล่าวเคยมีประวัติก่อคดียิงคน และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 1 ปีเท่านั้น แถมยังเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับร้านอื่น ๆ ในละแวกใกล้เคียงมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความหรือดำเนินการใดๆ อย่างจริงจัง เนื่องจากเจ้าตัวมักจะข่มขู่เหยื่ออย่างรุนแรงว่าจะเอาชีวิต หากใครแจ้งตำรวจหรือมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายจากบุคคลที่มีประวัติความรุนแรงและขาดการควบคุมตนเอง สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด