โควิดพุ่ง 8 พันรายในสัปดาห์เดียว! รัฐบาลห่วงใกล้เปิดเทอม แนะ 5 ข้อสู้เชื้อ

กรุงเทพฯ – สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนถึงกำหนดเปิดภาคเรียน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความห่วงใยของรัฐบาลต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยอ้างอิงข้อมูลระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2568 ซึ่งพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในระบบกว่า 8,446 ราย ตัวเลขนี้สะท้อนถึงการกระจายตัวของเชื้อครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ และยังไม่นับรวมผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล

สิ่งที่น่ากังวลคือ จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สูงกว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ถึง 2 เท่า และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย แสดงให้เห็นว่าโควิด-19 ยังคงเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและไม่ควรมองข้าม

เพื่อรับมือกับสถานการณ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยเฉพาะในช่วงใกล้เปิดเทอมที่การรวมตัวของคนจำนวนมากอาจเกิดขึ้น รัฐบาลจึงขอแนะนำ 5 ข้อปฏิบัติสำคัญให้ประชาชนนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนี้

1. การลดการสัมผัสเชื้อโรคจากอาหาร: ควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ผ่านการอุ่นร้อน ใช้ภาชนะแยกเฉพาะ และเลือกซื้ออาหารจากร้านที่สะอาด ถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค

2. ล้างมืออย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ: การล้างมือเป็นเกราะป้องกันด่านแรก ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่นานอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร ก่อนเข้าบ้าน รวมถึงก่อนและหลังสัมผัสใบหน้า หากไม่สะดวกใช้น้ำและสบู่ สามารถใช้แอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% แทนได้

3. ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนบริโภค: ควรล้างผักผลไม้ด้วยน้ำไหลนานกว่า 5 นาที หรือใช้วิธีแช่ในน้ำผสมเบคกิ้งโซดา หรือน้ำด่างทับทิม ก่อนนำมารับประทาน ปอกเปลือก หรือแม้แต่ก่อนนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อกำจัดเชื้อโรคและสารปนเปื้อน

4. สวมหน้ากากอย่างเหมาะสม: สำหรับบุคคลทั่วไป การสวมหน้ากากผ้าในพื้นที่สาธารณะยังคงช่วยลดความเสี่ยงได้ ส่วนผู้ป่วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วย/ผู้มีความเสี่ยง ควรพิจารณาใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหากต้องสัมผัสใกล้ชิดหรือทำหัตถการกับผู้ป่วย ควรใช้หน้ากาก N95 ร่วมกับเกราะบังหน้าและชุด PPE ตามความเหมาะสม

นอกจาก 4 ข้อข้างต้นแล้ว การเฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 2-3 วันก่อนเริ่มมีอาการ และยังคงแพร่เชื้อได้ต่อเนื่องหลังมีอาการ โดยเฉพาะในช่วง 5 วันแรก

ดังนั้น หากมีอาการป่วยหรือไม่สบาย ควรแยกตัวออกจากผู้อื่นทันที และพิจารณาตรวจ ATK หากผลเป็นบวก ควรแยกกักตัวอย่างน้อย 5 วัน หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้นและตรวจ ATK ได้ผลเป็นลบ พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในบ้านมีกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคประจำตัว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้กับคนในครอบครัว

หากพบอาการผิดปกติที่เข้าข่ายโควิด-19 เช่น ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด การล่าช้าเกิน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

รัฐบาลขอให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันตัวเองและผู้อื่น โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด และผ่านพ้นช่วงเวลาที่น่ากังวลนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *