พาณิชย์ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ เคาะ 4 มาตรการ ดันราคารับซื้อปาล์มขั้นต่ำ 5 บาท/กก. บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร
พาณิชย์เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำในภาคใต้ กำหนด 4 มาตรการความร่วมมือ เคาะราคารับซื้อขั้นต่ำ 5 บาทต่อกิโลกรัม เริ่ม 2 พฤษภาคมนี้
สุราษฎร์ธานี – วันที่ 28 เมษายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด โดยได้ประชุมร่วมกับ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัด, นายไกรวุฒิ ศิริอนันตภัทร์ สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และผู้แทนจากโรงงานสกัดและลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง รวม 12 ราย
นายวิทยากร เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความห่วงใยเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง จึงสั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งลงพื้นที่เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำเกิดจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเกษตรกรบางส่วนเร่งตัดปาล์มที่ยังไม่สุก ทำให้คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน และเกิดการกระจุกตัวของผลผลิตหน้าโรงงานสกัดฯ
เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว ที่ประชุมได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับ 4 มาตรการความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
- การบริหารจัดการคิวรับซื้อ: โรงงานสกัดฯ จะจัดช่องทางพิเศษสำหรับเกษตรกรรายย่อย เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำผลปาล์มมาจำหน่ายได้โดยตรงทุกวัน ขณะที่ลานเทจะต้องบริหารจัดการปริมาณผลปาล์มให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงานสกัดในแต่ละวัน โดยกำหนดจำนวนการรับซื้อต่อลานเท และต้องรายงานปริมาณผลปาล์มที่จะเข้าโรงงานสกัดให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดรับทราบทุกวัน
- การกำหนดราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน: กรมการค้าภายในขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ให้เริ่มรับซื้อผลปาล์มคุณภาพดี (ที่ 18% น้ำมัน) ในราคาที่ไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ในระยะเวลา 2 เดือน (พฤษภาคม – มิถุนายน 2568) ทั้งนี้ จะมีการประกาศราคารับซื้อทุก 10 วัน และจัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์และราคาร่วมกับจังหวัดและโรงสกัดฯ ทุก 7 วัน เพื่อพิจารณาปรับราคาให้เหมาะสม สร้างความมั่นใจให้เกษตรกรไม่ต้องเร่งตัดปาล์มที่ยังไม่สุก
- การสื่อสารประชาสัมพันธ์: ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่และผู้ประกอบการจะต้องสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขและมาตรการรับซื้อต่างๆ ให้เกษตรกรรับทราบอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและให้ข้อมูลที่ตรงกัน เกษตรกรจะได้วางแผนการตัดปาล์ม โดยไม่เร่งตัดปาล์มที่ยังไม่สุก ซึ่งจะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันและทำให้ได้รับราคาที่ดีขึ้น
- การติดตามคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมาย: กรมการค้าภายในจะร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายผลปาล์มน้ำมันอย่างเข้มงวดในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และตรัง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร โดยเฉพาะการรับซื้อผลปาล์มลูกร่วง
นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 22–25 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบลานเทรับซื้อผลปาล์ม 20 ราย และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2 ราย พบลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ราย กระทำผิดฐานไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บผลปาล์มตามกฎหมาย ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้ดำเนินคดีกับลานเทที่ทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้ว 6 คดี โดยมี 2 คดีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา ส่วนอีก 4 คดีอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย
สำหรับมาตรการระยะต่อไป กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยลดผลผลิตส่วนเกินในประเทศ และรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์ม รวมถึงการผลักดันการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการใช้ B7 ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาโดยด่วนต่อไป