พาณิชย์สั่งเด็ดขาด! โรงสกัดรับซื้อผลปาล์มสด กก.ละ 5 บาท เริ่ม 2 พ.ค. 68 อุ้มเกษตรกรภาคใต้
พาณิชย์สั่งเด็ดขาด! โรงสกัดรับซื้อผลปาล์มสด กก.ละ 5 บาท เริ่ม 2 พ.ค. 68 อุ้มเกษตรกรภาคใต้
กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ติดตามและเร่งแก้ปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ หลังผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ชี้กระทบรายได้เกษตรกร สั่งโรงงานสกัดรับซื้อผลปาล์มสดในราคา กก.ละไม่ต่ำกว่า 5 บาท (ที่ 18%) เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป นาน 2 เดือน พร้อมงัดมาตรการบริหารจัดการคิว การสื่อสารประชาสัมพันธ์ และคุมเข้มการซื้อขาย ป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกรอย่างเด็ดขาด
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 โดยได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนเกษตรกร สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และคณะจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง รวม 12 ราย ว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความเป็นห่วงเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันประสบปัญหาราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันลดลงจากช่วงที่ผ่านมา
สาเหตุหลักมาจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาดพร้อมกันในปริมาณมาก ประกอบกับเกษตรกรเร่งตัดผลปาล์ม ทำให้เกิดการกระจุกตัวของผลผลิตหน้าโรงงานสกัดฯ ส่งผลให้ราคารับซื้อตกต่ำลง
จากสถานการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนด 4 มาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกร ดังนี้
- การบริหารการจัดคิว: ให้โรงงานสกัดจัดช่องทางพิเศษสำหรับเกษตรกรรายย่อย เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำผลปาล์มมาจำหน่ายได้โดยตรงทุกวัน ส่วนลานเทต้องบริหารจัดการปริมาณผลปาล์มให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงสกัดในแต่ละวัน โดยกำหนดจำนวนการรับซื้อต่อลานต่อวัน และต้องรายงานปริมาณที่จะเข้าโรงสกัดให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบอย่างสม่ำเสมอ
- การรับซื้อปาล์มน้ำมันในราคาที่เหมาะสม: กรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้รับซื้อผลปาล์มสดในราคาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยกำหนดราคา กก.ละไม่ต่ำกว่า 5 บาท (ที่ 18%) เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ในระยะเวลา 2 เดือน (พฤษภาคม-มิถุนายน 2568) โดยจะมีการประกาศราคาทุก 10 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาสถานการณ์รอบด้านประกอบการกำหนดราคารับซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรไม่ต้องเร่งตัดปาล์มที่ยังไม่สุก ซึ่งจะส่งผลให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นและเกษตรกรจะได้รับราคาที่สูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ จะมีคณะทำงานติดตามการรับซื้อ โดยประชุมติดตามสถานการณ์และราคาร่วมกับจังหวัดทุก 7 วัน ร่วมกับโรงสกัด เพื่อกำกับ ติดตาม และปรับราคาให้เหมาะสมกับช่วงเวลา
- การสื่อสารประชาสัมพันธ์: ขอให้ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่และผู้ประกอบการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลและเงื่อนไขการรับซื้อต่างๆ ให้เกษตรกรรับทราบทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นและชี้แจงให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลที่ตรงกัน เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการตัดปาล์มได้อย่างเหมาะสม
- มาตรการติดตามคุมเข้มการขนย้ายและกำกับการรับซื้อ: กรมการค้าภายใน จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่สำคัญ เช่น จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ และตรัง เพื่อให้การซื้อขายผลปาล์ม โดยเฉพาะผลปาล์มลูกร่วง เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาในช่วงระหว่างวันที่ 22–25 เมษายน 2568 ได้มีการลงพื้นที่กำกับดูแลการซื้อขายผลปาล์มแล้ว โดยตรวจสอบลานเทรับซื้อผลปาล์ม 20 ราย และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2 ราย พบลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ราย กระทำผิด ไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บผลปาล์มตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีกับลานเทที่ทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้ว 6 คดี โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุกและปรับใน 2 คดี ส่วนอีก 4 คดีอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย
นอกจากมาตรการเร่งด่วนแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังจะเร่งผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยลดผลผลิตส่วนเกินในประเทศและรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์ม รวมถึงผลักดันการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการใช้ B7 ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาโดยด่วนต่อไป.