พาณิชย์ เดินหน้าตรวจเข้มจุดรับซื้อปาล์ม 8 จังหวัดใต้ เร่งดันราคารับซื้อ ยกระดับรายได้ชาวสวน

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบและกำกับดูแลการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันใน 8 จังหวัดแหล่งผลิตสำคัญ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกร พบหลายพื้นที่ราคารับซื้อปรับตัวสูงขึ้น พร้อมเตือนผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนมีโทษหนัก

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันตามข้อสั่งการของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยมอบหมายให้กรมการค้าภายในกำกับดูแลราคารับซื้ออย่างใกล้ชิด ว่า กรมการค้าภายในได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยบูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของโรงงานสกัดและจุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน หรือ ลานเท ในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดและสายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายใน ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 เป็นต้นมา พบว่าผู้ประกอบการรับซื้อจำนวน 77 ราย ซึ่งประกอบด้วย โรงงานสกัด 16 ราย และลานเท 61 ราย ได้มีการรับซื้อผลปาล์มทะลายในราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีความพึงพอใจในรายได้ที่ได้รับ โดยราคารับซื้อปาล์มทะลายที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% อยู่ที่ประมาณ 5.00-5.70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นการยกระดับรายได้ สร้างเสถียรภาพ และเกิดความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกรายปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร โดยเฉพาะการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในราคาตามมติที่ประชุมแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้เน้นย้ำให้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจนและเปิดเผย ณ จุดรับซื้อ พร้อมทั้งส่งสายตรวจเฉพาะกิจสับเปลี่ยนกำลังลงพื้นที่เฝ้าติดตามตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

นายอุดม ศรีสมทรง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้ปริมาณผลปาล์มที่เข้าสู่ตลาดเริ่มมีแนวโน้มลดลง จึงได้ขอความร่วมมือไปยังโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มให้เร่งเดินเครื่องสกัดเต็มกำลังการผลิต เพื่อลดปริมาณผลปาล์มที่ค้างอยู่หน้าลานและนำผลผลิตที่มีคุณภาพเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเปอร์เซ็นต์การสกัดเพิ่มสูงขึ้น พร้อมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้ตัดผลปาล์มที่สุกเต็มที่ เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ได้ราคาดี และได้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย

กรมการค้าภายในยังคงย้ำเตือนผู้ประกอบการโรงสกัดและลานเทให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องการแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และการจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน รวมถึงห้ามกระทำพฤติกรรมใดๆ ที่จะเป็นการทำให้ผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติโดยเด็ดขาด

หากพบการกระทำความผิด กรมการค้าภายในจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งมีโทษทางกฎหมายดังนี้:

  • กรณีไม่แสดงราคารับซื้อ หรือแสดงไม่เป็นไปตามกฎหมาย: โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีกดราคารับซื้อ: โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีทำผลปาล์มร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ: โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และไม่จัดทำบัญชีคุมสินค้า: โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิดข้างต้น จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทันที

เกษตรกรรายใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายผลปาล์มน้ำมันหรือสินค้าเกษตรอื่น รวมถึงประชาชนทั่วไปที่พบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *