โค้ชชุ่ม วิเคราะห์สาเหตุแท้จริงหลังทีมชาติไทย U17 ตกรอบเอเชียนคัพ 2025 ชี้ปัญหาใหญ่คือระบบพัฒนาฟุตบอลเยาวชนไทย
วันที่ 10 เมษายน 2568 – ความเคลื่อนไหวหลังเกมฟุตบอลเอเชียนคัพ 2025 รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เมื่อทีมชาติไทย U17 พ่ายให้กับจีน 0-2 ตกรอบในฐานะอันดับ 4 ของกลุ่ม A แบบไม่มีคะแนนสะสมแม้แต่จุดเดียว พร้อมกับต้องชวดสิทธิ์ไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ผลงานที่ย่ำแย่ของทีมชาติไทย U17 ในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ ทำให้แฟนบอลจำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์นักเตะชุดนี้ รวมถึง จเด็จ มีลาภ กุนซือทีมชาติไทย U17 อย่างหนักหน่วง
แต่สำหรับ “โค้ชชุ่ม” ชยกร ถนัดเดินข่าว อดีตกุนซือทีมชาติไทย U17 และเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “เปิดบอล” มองว่าสาเหตุที่แท้จริงของการตกรอบในครั้งนี้ ไม่ได้มาจากความผิดของโค้ชหรือนักเตะบางคน แต่กลับมาจากกระบวนการคิดและทัศนคติของคนในวงการฟุตบอลไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้มีอำนาจตัดสินใจ
โค้ชชุ่มได้โพสต์วิเคราะห์ผ่านเพจเปิดบอลว่า ปัญหาหลักของฟุตบอลไทยคือการขาดระบบพัฒนาฟุตบอลเยาวชนที่แท้จริง โดยชี้ให้เห็นว่าวงการฟุตบอลไทยมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จในระดับยอดปิรามิด เช่น การแข่งขันของทีมชาติหรือสโมสรระดับสูง โดยละเลยการพัฒนารากฐานอย่างฟุตบอลเยาวชน
“เราจะเห็นได้เสมอว่า คนไทยมุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จในระดับยอดของปีรามิดตลอดเวลา ระดับชาติ (ทุกรุ่นอายุ) เราต้องการความสำเร็จเสมอ ถ้าล้มเหลว ต้องเปลี่ยนโค้ช ไม่ก็เป็นความผิดนักฟุตบอลบางคน” โค้ชชุ่มระบุ
อดีตกุนซือทีมชาติไทย U17 ยังเปรียบเทียบกับประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาฟุตบอล เช่น เยอรมนีและเบลเยียม ที่ใช้เวลาไม่ถึง 20 ปีในการปฏิรูประบบฟุตบอลเยาวชนจนสามารถผลิตนักเตะระดับโลกได้
โค้ชชุ่มเสนอว่า การพัฒนาฟุตบอลเยาวชนที่แท้จริงควรเริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 4-5 ขวบ และต้องมีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงการจัดทัวร์นาเมนต์สั้นๆ เพื่อล่าแชมป์เท่านั้น
นอกจากนี้ โค้ชชุ่มยังเรียกร้องให้มีการอบรมโค้ชสอนเด็กอย่างมีคุณภาพมากขึ้น โดยโค้ชควรสอนให้เด็กคิดเป็น แทนที่จะเพียงสั่งการ และขอให้สมาคมฟุตบอลฯ หันมาลงทุนกับฟุตบอลเยาวชนอย่างจริงจัง
ท้ายที่สุด โค้ชชุ่มได้ฝากถึงแฟนบอลไทยว่า “จะดีมากกว่าครับ ถ้าแฟนบอลไทย ลดความสนใจจากส่วนยอดของปีรามิด แล้วมาเพิ่มที่ส่วนล่างของปีรามิดมากขึ้น” พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาฟุตบอลเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน