ชุมพรเดือด! แฉขบวนการใหญ่ นายทุน-จนท.รัฐ เอี่ยวโกย 100 ล้าน/เดือน จากปาล์มหมดสัมปทานกว่า 2 หมื่นไร่ ชาวบ้านเตรียมบุกทำเนียบฯ ร้องนายกฯ
ชุมพร – ชาวบ้านและอดีตทหารผ่านศึกกว่า 1 พันคนใน จ.ชุมพร รวมตัวเรียกร้องหน่วยงานรัฐ เร่งแก้ปัญหาพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันในเขตป่าสงวนฯ กว่า 23,000 ไร่ ที่หมดอายุสัมปทานมานานถึง 10 ปี
ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ และตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยสัมปทานได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2558 แต่ยังคงมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทเดิมจะยื่นขอต่อสัญญาแต่ถูกชาวบ้านคัดค้านมาโดยตลอด
ตัวแทนชาวบ้านเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่สวนปาล์มที่หมดสัมปทานกว่า 2 หมื่นไร่ ยังคงถูกกลุ่มนายทุนจากบริษัทใหญ่ ผู้มีอิทธิพล และกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม เข้าไปจัดสรรแบ่งพื้นที่กันดูแลและเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันออกไปขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลถึงเดือนละนับร้อยล้านบาท
ที่น่าตกใจคือ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบางคนจากหลายหน่วยงานอาจมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือในขบวนการใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ปัญหาคาราคาซังมาอย่างยาวนาน โดยไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง
ล่าสุด ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหงษ์เจริญ ได้รวมตัวกันจัดตั้งเวรยามบริเวณทางเข้า-ออก สวนปาล์มที่หมดสัมปทาน เพื่อสอดส่องตรวจสอบและแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มบุคคลที่ลักลอบนำเครื่องจักรและแรงงานต่างด้าวเข้าไปตัดปาล์มออกขาย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ นำพื้นที่ดังกล่าวมาบริหารจัดการและจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรตามนโยบายรัฐบาล
นายประคอง จิตประสงค์ หรือ “ผู้ใหญ่หยีต” อดีตผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า รู้สึกไม่เป็นธรรมที่นายทุนและผู้มีอิทธิพลสามารถเข้าเก็บปาล์มได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากเป็นชาวบ้านทั่วไปกลับถูกจับกุมทันที จึงอยากให้ผู้นำรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
ผู้ใหญ่ประคอง ยังกล่าวอีกว่า แม้ในพื้นที่ตำบลหงษ์เจริญ ชาวบ้านจะเข้มแข็งรวมตัวกันตรวจสอบ แต่ในพื้นที่ตำบลรับร่อกว่า 1 หมื่นไร่ ยังคงมีการลักลอบตัดปาล์มส่งขายโรงงานทุกวัน โดยชาวบ้านได้พยายามรวบรวมหลักฐานทั้งภาพถ่ายรถแบกโฮ รถบรรทุกปาล์ม และแรงงาน เพื่อแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ
ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านและกลุ่มผู้เรียกร้องจึงมีมติร่วมกันที่จะนำหลักฐานและปัญหาทั้งหมด รวมตัวกันเดินทางไปร้องเรียนที่หน้าทำเนียบรัฐบาลโดยตรง เพื่อยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เร่งแก้ปัญหาการบุกรุกและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนที่หมดสัมปทาน ซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติที่ควรนำมาจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนผู้ยากไร้