จุฬาราชมนตรี แถลงประณามเหตุก่อความไม่สงบชายแดนใต้ สังหารโหดเหี้ยมผิดหลักศาสนาร้ายแรง จี้รัฐเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

กรุงเทพฯ – วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 – สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม.

ในแถลงการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างความเศร้าสลดและสะเทือนใจแก่คนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะการกระทำที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มบุคคลผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ คนชรา สตรี นักเรียนศาสนา หรือแม้แต่เณร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ และเป็นกลุ่มที่สมควรได้รับการปกป้องดูแลจากความรุนแรงในทุกรูปแบบ.

สำนักจุฬาราชมนตรีได้แสดงการประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมดังกล่าวอย่างรุนแรงที่สุด พร้อมย้ำอย่างชัดเจนว่า ไม่มีเหตุผลหรือข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างทางการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ ที่จะสามารถนำมาใช้รองรับการก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ได้.

แถลงการณ์ยังได้กล่าวถึงบริบทของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม โดยเน้นย้ำว่า การเข่นฆ่าชีวิตผู้คนนั้น นอกจากการเป็นความผิดทางกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งผู้กระทำจะต้องได้รับโทษทางอาญาในระดับสูงสุดแล้ว ยังถือเป็นความผิดทางศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรงอีกด้วย.

พร้อมอ้างอิงพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน บทอัลอิสรออ์ โองการที่ 33 ที่พระองค์อัลเลาะห์ (ซุบฮานะฮู วะตะอาลา) ได้ตรัสไว้มีความหมายว่า “พวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตซึ่งอัลเลาะห์ทรงตราห้ามไว้ นอกจากโดยมีสิทธิอันชอบธรรม” ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการสำคัญของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง.

ในตอนท้ายของแถลงการณ์ สำนักจุฬาราชมนตรีได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติมิตรของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน และนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด.

นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลความผิดปกติ หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย เพื่อแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้างมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคนในพื้นที่ได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง.

สุดท้าย แถลงการณ์จากสำนักจุฬาราชมนตรีได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และหันมาใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานนี้ ด้วยความมุ่งมั่นและเจตจำนงอันแน่วแน่ เพื่อนำพาสังคมไทยไปข้างหน้า และส่งต่ออนาคตที่สงบสุขและดีงามให้กับคนรุ่นต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *