ปิดฉากหนี 11 ปี! รวบโชเฟอร์รถไถหัวร้อน ยิงโหดดับคาสนาม 7 นัด เหตุฉุนแค่เสียงบีบแตร เมื่อ 20 ปีก่อน
ปิดฉากการหลบหนีอันยาวนานกว่า 11 ปี! ตำรวจกองปราบตามรวบ ‘โชเฟอร์รถไถหัวร้อน’ ผู้ต้องหาในคดีสะเทือนขวัญเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหดถึง 7 นัด สาเหตุเพียงเพราะไม่พอใจที่ถูกบีบแตร ก่อนหลบหนีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ล่าสุดถูกรวบตัวได้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา
วันที่ 29 เมษายน 2568 พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีระพงษ์ คงเขียว สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.5 บก.ป.) นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายสุระศักดิ์ หรือ เพลิน อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 622/2557 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2557 ในคดีความผิดต่อชีวิต ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2548 ย้อนไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ณ บริเวณริมถนน หมู่ที่ 12 ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ในขณะนั้น นายสุระศักดิ์ ผู้ต้องหา กำลังขับรถไถปรับพื้นที่อยู่ริมถนน ได้มีนายเดชา ผู้เสียชีวิต ขับรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านมา และเห็นว่ารถไถกำลังถอยเข้าถอยออกกีดขวางเส้นทาง จึงได้บีบแตรเพื่อเตือนและขอทาง แต่การบีบแตรเพียงครั้งเดียวกลับทำให้นายสุระศักดิ์ไม่พอใจอย่างรุนแรง และเกิดการโต้เถียงทะเลาะวิวาทกันขึ้น
ภายหลังจากการโต้เถียง นายสุระศักดิ์ได้นำรถไถไปจอดอีกฝั่งถนน ก่อนจะเดินกลับมาที่เกิดเหตุ และยืนตะโกนข่มขู่ว่า หากด่าทอลามไปถึงบุพการี จะยิงให้ตาย แต่นายเดชาไม่ได้เกรงกลัว กลับพูดจาท้าทายกลับไปว่า ถ้าจะยิงก็ยิงเลย ไม่ต้องขู่ คำพูดท้าทายดังกล่าวทำให้นายสุระศักดิ์บันดาลโทสะอย่างหนัก ได้ชักอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. ที่พกติดตัวมา ขึ้นมายิงใส่นายเดชาทันที 3 นัด
ความเหี้ยมโหดยังไม่จบแค่นั้น หลังยิงไป 3 นัด นายสุระศักดิ์ได้เดินเข้าไปตรวจดูนายเดชาที่นอนจมกองเลือดอยู่ และตัดสินใจยิงซ้ำอีกถึง 4 นัด เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิต รวมทั้งสิ้น 7 นัด ทำให้นายเดชาเสียชีวิตคาที่ในทันที ขณะเกิดเหตุ บิดาของนายสุระศักดิ์ ซึ่งอยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย ยังได้พูดสำทับขึ้นมาว่า “เอาให้ตายๆ” และยังชักอาวุธปืนพกสั้นออกมาทำท่าจะยิงซ้ำอีกด้วย แต่นายสุระศักดิ์ได้ห้ามไว้ นอกจากนี้ นายสุระศักดิ์ยังได้ชูอาวุธปืนในมือ พร้อมกล่าวข่มขู่พยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงว่า “หากใครแจ้งตำรวจ กูยิงหัวให้หมด” สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
หลังเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายสุระศักดิ์ได้ในเบื้องต้น ซึ่งผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดี และได้ดำเนินการต่อสู้คดีมาโดยตลอด จนกระทั่งปี 2557 คดีได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในชั้นศาล และทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ต่างมีคำพิพากษายืนยันให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่นายสุระศักดิ์กลับไม่มาฟังคำพิพากษา และได้หลบหนีไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมระยะเวลาที่หลบหนีนานถึง 11 ปี
คดีนี้ถือเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนใจและบอบช้ำให้กับญาติผู้เสียชีวิตมาอย่างยาวนาน เนื่องจากไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายได้ ตลอดระยะเวลา 11 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบพยายามติดตามตัวมาโดยตลอด จนกระทั่งได้รับเบาะแสว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลา และเพิ่งจะติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งศาลจังหวัดทุ่งสง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป