ปักกิ่ง, จีน – เรื่องราวของคนงานก่อสร้างชาวจีน วัย 35 ปี กลายเป็นที่ฮือฮาและสร้างแรงบันดาลใจในโลกออนไลน์ หลังเขาเปิดเผยเส้นทางการทำงานหนักตลอด 9 ปี ที่ทำให้เขาสามารถเก็บเงินได้มากถึง 2 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 9.1 ล้านบาท

สำนักข่าวในประเทศจีนรายงานบทสัมภาษณ์ของ นายเหอ จี้หลิน (He Jilin) จากเมืองหนานชง มณฑลเสฉวน ซึ่งเริ่มทำงานเป็นคนงานขนอิฐตั้งแต่ปี 2016 ในมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง งานหลักของเขาคือการขนย้ายวัสดุก่อสร้าง เช่น อิฐ หิน ทราย ขึ้นไปบนอาคารที่ยังไม่มีลิฟต์ รวมถึงงานก่ออิฐ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้พละกำลังอย่างมหาศาล

นายเหอ จี้หลิน เปิดใจว่า “ทั้งหมดเป็นงานที่ใช้แรงและจ่ายเงินตามผลงาน ยิ่งทำมากยิ่งได้มาก สำหรับงานของเรา แค่ยอมใช้แรง รายได้แบบนี้ไม่ถือว่าสูงหรอก” เขาอธิบายว่า งาน “ยกของขึ้นตึก” หมายถึงการใช้แรงคนแบกหามของหนักขึ้นไปบนชั้นสูงๆ ซึ่งเป็นงานที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าที่คนทั่วไปคิด

เขายอมรับว่าในช่วงแรกที่เริ่มทำงานไกลบ้านและต้องเจอกับงานหนักขนาดนี้ เขาเคยขนอิฐได้เพียงวันละ 500-600 ก้อนเท่านั้น แต่ด้วยความมุ่งมั่น เขาได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ด้วยตัวเองและขอคำแนะนำจากคนงานรุ่นพี่ จนปัจจุบันเขาสามารถขนอิฐได้มากกว่า 2,000 ก้อนต่อวัน เขาย้ำว่า “มันไม่ใช่แค่งานใช้แรง แต่เป็นงานที่ต้องมีเทคนิคด้วย”

ต่อมา นายเหอ จี้หลิน ได้พัฒนาทักษะด้วยการเรียนรู้งานก่ออิฐ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญและสามารถเพิ่มรายได้ของเขาได้อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันเขาสามารถสร้างรายได้จากการก่ออิฐได้เฉลี่ยวันละ 800-900 หยวน หรือประมาณ 3,600-4,000 บาท เขาชี้แจงว่ารายได้ต่อวันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สถานที่ก่อสร้าง ขนาดของอิฐ หรือความสูงของอาคาร แต่หัวใจสำคัญยังคงเป็นการใช้แรงและความขยัน

แม้เรื่องราวของเขาจะฟังดูเรียบง่าย แต่ชีวิตการทำงานของคนงานอย่างเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก พวกเขาต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เพื่อเตรียมตัวทำงาน ตอนเที่ยงพักเพียงสั้นๆ ด้วยการนั่งกินข้าวกล่องข้างกำแพง แล้วกลับไปทำงานต่อทันที โดยส่วนใหญ่มักจะทำงานหนักไปจนถึง 3-4 ทุ่ม

นายเหอ จี้หลิน เล่าว่า สมัยเด็กเขาไม่เคยคิดเลยว่าโตขึ้นจะต้องมาทำงานหนักแบบนี้ แรงผลักดันที่ทำให้เขาสู้คือความปรารถนาที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้น เขากล่าวด้วยแววตามุ่งมั่นว่า “พวกเราคนหนุ่มมีความรู้สึกที่ไม่ยอมแพ้ สิ่งใดที่คนอื่นมี เราก็อยากจะมี ดังนั้นจึงทำงานหนักเพื่อหาเงิน”

อย่างไรก็ตาม การใช้แรงงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานย่อมส่งผลต่อร่างกาย นายเหอ จี้หลิน ยอมรับว่าเขามักมีอาการปวดเมื่อยและไม่สบายตัวบริเวณกล้ามเนื้อเอว ซึ่งทำให้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตมากขึ้น เขากล่าวอย่างเข้าใจความเป็นจริงว่า “ตราบใดที่ยังไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องทำงานนี้ให้ดีก่อน”

เมื่อเปรียบเทียบกับคนวัยเดียวกัน เขาคิดว่าตัวเองทำงานหนักกว่าคนอื่นมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าวิธีการทำงานแบบนี้จะเหมาะกับทุกคน เพราะชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันไป แม้บางครั้งจะรู้สึกอิจฉาชีวิตที่ดูน่าตื่นเต้นของคนรุ่นใหม่ๆ อย่างชาว Gen 90 หรือ Gen 00 แต่เขาก็เลือกที่จะยอมรับสถานการณ์ของตัวเองและพยายามก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยความมุ่งมั่นและอดทน