จีนยืนหยัดไม่ยอมเจรจา สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือกดดันในสงครามการค้า
ในสงครามการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ล่าสุดจีนยังคงยืนหยัดในจุดยืนเดิมที่ไม่ยอมเจรจา แม้สหรัฐฯ จะใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นเครื่องมือกดดันก็ตาม
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีเป้าหมายชัดเจนที่จะจัดระเบียบโลกใหม่โดยให้สหรัฐฯ เป็นเบอร์หนึ่ง จึงใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบีบบังคับให้ประเทศอื่นยอมจำนน ซึ่งจีนคือเป้าหมายหลัก
เมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนสูงสุดมากกว่าทุกประเทศทั่วโลก จีนซึ่งอ่านเกมออกแบบรู้เขารู้เราได้ตอบโต้ทันทีด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราเท่ากัน ล่าสุดอยู่ที่ 125% เท่ากันทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีไม่มากนักต่างวิ่งเข้าหาเพื่อขอเจรจา ทรัมป์ถึงกับเยาะเย้ยว่า “ต่างก็วิ่งจูบก้น” ซึ่งคำพูดเช่นนี้ย่อมสร้างความแค้นเคืองใจให้กับประเทศต่างๆ อย่างแน่นอน
จีนในฐานะที่เป็นคู่แข่งทางการค้าอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ รู้ดีว่าหากยอมเจรจาจะตกอยู่ในแผนของสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำและเป็นข้ออ้างในการทำสงครามโลก จีนจึงเลือกที่จะไม่ยอมเจรจาและตอบโต้ทุกมาตรการที่สหรัฐฯ ใช้
สำหรับประเทศไทยในฐานะประเทศเล็กที่ต้องอยู่ระหว่างสองยักษ์ใหญ่นี้ จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักอย่างดีในการหาวิธีต่อสู้ที่จะไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยใช้ข้อได้เปรียบที่มีอยู่เป็นอำนาจการต่อรองเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด