จีนเผชิญคลื่นความร้อนทุบสถิติเดือนพฤษภาคมในรอบ 60 ปี กระทบหนักภาคเกษตร
ปักกิ่ง, 22 พฤษภาคม 2567 – หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศจีนกำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าวอย่างรุนแรง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติของเดือนพฤษภาคมที่เคยบันทึกไว้ในรอบกว่า 60 ปี ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าว ท่ามกลางการประกาศเตือนภัยสภาพอากาศจากทางการจีน
รายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ระบุว่า มณฑลเหอเป่ยและเหอหนาน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญในภาคกลางของจีน รวมถึงมณฑลซานตงทางภาคตะวันออก มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่
ขณะที่ข้อมูลจากสำนักอุตุนิยมวิทยาของจีนชี้ว่า นครเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน มีอุณหภูมิสูงถึง 41 องศาเซลเซียส และเมืองซาเหอ ในมณฑลเหอเป่ย อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 42.9 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเหล่านี้ถือเป็นสถิติสูงสุดที่จีนเคยเผชิญในเดือนพฤษภาคมนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลมา และคาดว่าสภาพอากาศร้อนจัดนี้จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงช่วงกลางสัปดาห์นี้
ทางการจีนเปิดเผยว่า ประเทศกำลังเผชิญกับแนวโน้มของสภาพอากาศร้อนที่สูงผิดปกติและกินเวลานานขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ฝนตกหนักที่มีความถี่มากขึ้นและยากต่อการพยากรณ์ล่วงหน้า ปรากฏการณ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือภาวะโลกร้อน ซึ่งมีต้นตอส่วนหนึ่งมาจากกิจกรรมของมนุษย์และปัจจัยอื่นๆ
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลการเก็บสถิติสภาพอากาศของจีนที่พบว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา เป็นปีที่จีนมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลมาเป็นเวลากว่า 60 ปี และนี่ยังเป็นการทำสถิติใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่สอง
นอกจากอุณหภูมิเฉลี่ยที่พุ่งสูงทำลายสถิติ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่เช่นกันแล้ว จีนยังเผชิญกับพายุที่มีความรุนแรงมากกว่าปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในปีที่ผ่านมาสูงเกินค่าเฉลี่ยปกติอีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักอุตุนิยมวิทยาจีนได้ออกประกาศเตือนภัยสภาพอากาศร้อนระดับสีเหลือง ซึ่งเป็นระดับแรกจากทั้งหมด 3 ระดับ (เหลือง ส้ม แดง) โดยระดับสีแดงหมายถึงสถานการณ์ร้ายแรงที่สุด พร้อมทั้งแนะนำให้เกษตรกรดูแลพืชผลที่เพาะปลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดนี้