อุทาหรณ์ใกล้ตัว! งูทับสมิงคลากัดหนูน้อย 7 ขวบ เล่นซ่อนหาในสวน พิษร้ายแรง โชคดีถึง รพ. ทัน แพทย์ย้ำสังเกตอาการ

บุรีรัมย์ – เหตุการณ์อุทาหรณ์เตือนภัยสำหรับผู้ปกครองเกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังหนูน้อยวัย 7 ขวบ ถูกงูพิษร้ายแรงกัดขณะเล่นซ่อนหาบริเวณสวนรกร้าง โชคดีที่ผู้ปกครองตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทำให้แพทย์สามารถให้เซรุ่มรักษาได้ทันเวลา

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเรื่องราวเตือนภัยผ่านทางโซเชียลมีเดียจากคุณแม่รายหนึ่ง ที่แชร์ประสบการณ์ของลูกสาววัย 7 ขวบ ที่ถูกงูมีพิษกัดขณะเล่นซ่อนหา จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

น.ส.ปนัดดา อายุ 30 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องสไมล์ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะที่ตนออกไปทำงานรับจ้างขุดหัวมันสำปะหลัง โดยปล่อยให้น้องสไมล์ ลูกสาววัย 7 ขวบ อยู่กับตายายที่บ้าน จู่ๆ คุณแม่ (ยายของน้องสไมล์) ก็โทรศัพท์มาแจ้งข่าวด้วยความตกใจว่าน้องสไมล์ถูกงูฉกที่นิ้วมือขณะกำลังเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ บริเวณสวนรกร้างหน้าบ้านญาติ

เบื้องต้นคุณยายได้รีบพาน้องสไมล์ไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองหว้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน แต่เจ้าหน้าที่แนะนำให้รีบพาน้องส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ เนื่องจากเป็นเคสที่อาจมีอันตราย ขณะนั้นน้องสไมล์เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย และปวดที่มือข้างที่ถูกงูกัด แต่ยังสามารถพูดคุยสื่อสารได้ ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว น.ส.ปนัดดา จึงรีบตัดสินใจขับขี่รถจักรยานยนต์พาน้องสไมล์ไปยังโรงพยาบาลละหานทราย ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 12 กิโลเมตร ด้วยตัวเอง

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลละหานทราย ทางแพทย์แจ้งว่าไม่มีเซรุ่มสำหรับรักษางูพิษชนิดที่คาดว่ากัดน้อง จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลนางรอง แต่ก็ได้รับแจ้งว่าไม่มีเซรุ่มเช่นกัน ด้วยความเร่งด่วน โรงพยาบาลละหานทรายจึงตัดสินใจส่งตัวน้องสไมล์ไปยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ทันที

เมื่อเดินทางถึงโรงพยาบาลบุรีรัมย์ แพทย์ได้ทำการตรวจดูรอยแผลถูกงูกัดบริเวณนิ้วกลางมือข้างซ้าย และสอบถามลักษณะของงูจากน้องสไมล์ ซึ่งน้องให้ข้อมูลว่าเป็นงูลายขาวดำ แพทย์จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น “งูทับสมิงคลา” ซึ่งเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก หากนำส่งโรงพยาบาลล่าช้า อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แพทย์จึงได้รีบทำการฉีดเซรุ่มรักษาโดยทันที

น.ส.ปนัดดา กล่าวด้วยความโล่งใจว่า ล่าสุดวันนี้ (1 พ.ค. 68) ลูกสาวอาการดีขึ้นมาก และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ก็ได้กำชับให้เฝ้าสังเกตอาการข้างเคียงอย่างใกล้ชิดภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ หากมีอาการผิดปกติใดๆ ให้รีบกลับมาพบแพทย์ทันที และหากครบกำหนด 1 สัปดาห์โดยไม่มีอาการผิดปกติ แพทย์จะนัดมาตรวจซ้ำเพื่อดูว่ายังมีพิษงูตกค้างในร่างกายหรือไม่ หากไม่พบก็ถือว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.ปนัดดา จึงอยากนำเรื่องราวมาโพสต์เตือนภัยพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน อย่าปล่อยให้บุตรหลานคลาดสายตา โดยเฉพาะเมื่อเด็กๆ เล่นในพื้นที่ที่อาจมีสัตว์มีพิษร้ายแรงอาศัยอยู่ เช่น พื้นที่รกร้าง หรือมีพุ่มไม้ทึบ โชคดีที่เคสของตนเองตัดสินใจนำลูกมารักษาได้อย่างรวดเร็ว จึงได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที

ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ที่บ้านหนองหว้า หมู่ 4 ต.หนองแวง เพื่อสอบถามนางจำปาทอง นามสง่า อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องสไมล์ นางจำปาทองได้ชี้ให้ดูจุดที่หลานเล่นซ่อนหากับน้องชายและเพื่อนๆ ก่อนจะถูกงูฉก ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นหน้าบ้านของญาติ มีต้นไม้หลายชนิดค่อนข้างรก เด็กๆ ชอบมาเล่นซ่อนหากันที่นี่ ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังเลี้ยงหลานน้อยอีกคนอยู่ในกระท่อม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเด็กๆ และยังมองเห็นเด็กๆ เล่นอยู่ตลอด

นางจำปาทองเล่าต่อว่า ไม่นานน้องชายของน้องสไมล์ก็วิ่งมาบอกว่าพี่สาวถูกงูกัด ขณะไปซ่อนแอบอยู่ใต้ต้นลำไยที่มีพุ่มไม้ค่อนข้างรก ด้วยความตกใจ ตนรีบไปดูหลาน ก็เห็นรอยงูกัดที่นิ้วมือ แต่ไม่เจองูตัวที่กัด คาดว่าน่าจะเลื้อยหนีไปแล้ว จึงรีบพาหลานไปที่อนามัยใกล้บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่อนามัยก็ได้แนะนำให้รีบพาไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งลูกสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องให้ทราบทันที

นางจำปาทองกล่าวปิดท้ายว่า เหตุการณ์นี้โชคดีที่แม่น้องตัดสินใจพาส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และหลานได้รับการรักษาด้วยเซรุ่มได้ทันท่วงที จึงปลอดภัย หลังจากนี้ก็จะให้ตาช่วยกันตัดพุ่มไม้ที่รกทึมออก และทำความสะอาดบริเวณบ้านให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันตรายแบบนี้กับลูกหลานอีก.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *