สลด! ด.ช. 11 ขวบ เสียชีวิตคาบ้าน คาดเลียนแบบในหนัง ยายร่ำไห้ปานขาดใจ ผู้ใหญ่บ้านเตือนเป็นอุทาหรณ์
อุดรธานี – เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ร.ต.อ.เจนวัฒน์ กียรติโชติกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.โนนสูง จังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตที่บ้านพักแห่งหนึ่งในตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จึงรีบเดินทางเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยทีมแพทย์เวรฯ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และเจ้าหน้าที่กู้ชีพโนนสูงน้ำคำ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพัก พบชาวบ้านและนายคำอ้อย มหาชัย อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหนองหิน กำลังช่วยเหลือปั๊มหัวใจให้แก่ ด.ช.เอ (สงวนนามสกุล) อายุ 11 ปี ซึ่งพบว่าได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังจากพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่นานกว่า 30 นาที ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งของนางวิเรียม อายุ 75 ปี ผู้เป็นยาย และญาติๆ ที่ร่ำไห้แทบขาดใจ ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของเด็กชายลงมาไว้ที่พื้นบ้าน เพื่อรอการชันสูตรหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
จากการตรวจสอบบริเวณขื่อเหล็กกลางบ้าน พบเชือกสีแดงผูกอยู่ และมีกระดาษทิชชูติดอยู่กับเชือกดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้น ญาติได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตไม่มีปัญหาความเครียดใดๆ ในชีวิต และคาดว่าน่าจะเป็นการนำเชือกมาผูกเล่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนญาติและผู้ใกล้ชิดอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นางวิเรียม ผู้เป็นยาย เล่าด้วยเสียงสะอื้นปานขาดใจว่า ด.ช.เอ อาศัยอยู่กับตนและน้องสาวอีกคน หลังจากที่พ่อแม่ได้เลิกรากันไปตั้งแต่เด็ก วันเกิดเหตุน้องสาวได้วิ่งมาบอกว่าพี่ชายเสียชีวิตในบ้าน ตนตกใจมากจึงรีบวิ่งไปดู และเมื่อเห็นภาพหลานก็ตกใจจนช็อก รีบปลดเชือกนำหลานลงมาทันที ก่อนจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยปั๊มหัวใจ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตหลานไว้ได้ ยายยืนยันว่าหลานเป็นเด็กร่าเริงสนุกสนาน ชอบไปวัดกับตนทุกวัน ไม่มีเรื่องให้ต้องเครียดจนคิดสั้นแน่นอน
ด้านนายคำอ้อย มหาชัย ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ตนรู้จักกับเด็กชายผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี เพราะเด็กชายอาศัยอยู่กับยายและตาซึ่งกำลังป่วย รวมถึงน้องสาววัยยังเล็ก เขาเป็นคนร่าเริง ขี้เล่น และชอบไปวัดกับตนและยายเป็นประจำ
นายคำอ้อย ให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตว่า ตนคาดว่าเด็กชายน่าจะทำไปโดยไม่ตั้งใจ หรือเป็นการทำเล่นตามที่เห็นในหนังหรือสื่อต่างๆ เนื่องจากพบกระดาษทิชชู่รองอยู่ที่คอ ซึ่งอาจจะเป็นการเลียนแบบแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้น
ผู้ใหญ่บ้านได้ฝากเตือนเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ปกครองว่า อย่าปล่อยให้บุตรหลานอยู่ลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล และควรดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การเลียนแบบโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจนำมาซึ่งความสูญเสียถึงชีวิตได้จริงๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องรอผลการชันสูตรจากโรงพยาบาลเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป