เชียงราย-เชียงใหม่ ไม่ทน! เตรียมยื่นหนังสือสถานทูตจีน 5 มิ.ย. ค้านเหมืองต้นน้ำปนเปื้อนสารพิษแม่น้ำกก

เชียงราย, เชียงใหม่ – ประชาชนและภาคประชาสังคมในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่กำลังรวมพลังเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวปกป้องแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย หลังเผชิญปัญหามลพิษรุนแรงจากการทำเหมืองแร่ต้นน้ำในประเทศเมียนมา โดยเฉพาะเหมืองแรร์เอิร์ธของกลุ่มทุนจีน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แม่น้ำกกปนเปื้อนสารหนูและสารตะกั่วเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิต สุขภาพ และระบบนิเวศ

ปัญหาดังกล่าวปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย ในวงหารือหัวข้อ “ปกป้องแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ปิดเหมืองต้นน้ำ-ฟื้นฟูลุ่มน้ำ” ซึ่งมีตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งในเชียงรายและเชียงใหม่ นักธุรกิจ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ศิลปิน นักการเมืองท้องถิ่น ไปจนถึงองค์กรภาคประชาสังคม

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยถึงแผนการเคลื่อนไหวสำคัญในวันที่ 5 มิถุนายน นี้ ว่า จะมีการจัดกิจกรรมแสดงเจตนารมณ์และสะท้อนเสียงของชาวเชียงรายและเชียงใหม่ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยตั้งเป้าหมายที่จะรวมพลังประชาชนให้ได้ราว 10,000 คนในพื้นที่ต่างๆ มีข้อเสนอที่กำลังพิจารณาคือ การยื่นหนังสือถึงสถานทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อสื่อสารปัญหานี้โดยตรงไปยังรัฐบาลปักกิ่ง นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะเชิญชวนนักเรียนนักศึกษามาร่วมแสดงออก และจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมอย่างการ “สืบชะตาแม่น้ำกก” เพื่อปลุกจิตสำนึกและฟื้นฟูคุณค่าของแม่น้ำ

ด้าน น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) ให้ข้อมูลที่น่ากังวลว่า จากการสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย โดยเฉพาะที่บ้านม้งแปดหลัง อำเภอแม่ฟ้าหลวง พบการเปิดหน้าดินขนาดใหญ่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งเชื่อว่าเป็นพื้นที่เหมืองแร่ต้นน้ำ ปัญหาเริ่มถูกสังเกตเห็นโดยชาวบ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ที่พบความผิดปกติในแม่น้ำและเดินขบวนเรียกร้องตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบและยืนยันว่าแม่น้ำกกมีการปนเปื้อนสารหนูเกินค่ามาตรฐานจริง

น.ส.เพียรพร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า จากภาพถ่ายทางอากาศ ยิ่งพบข้อเท็จจริงที่น่าตกใจว่า ห่างจากพรมแดนไทยบริเวณหัวฝายเพียง 2 กิโลเมตร มีการขุดเหมืองกลางแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นเหมืองที่ดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย ขาดการควบคุมดูแลโดยกลไกใดๆ ทำให้เกิดคำถามถึงบทบาทและความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐบาลไทย ที่ปล่อยให้แม่น้ำข้ามแดนสำคัญอย่างแม่น้ำสายถูกทำลายในลักษณะนี้

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ผลกระทบที่เห็นในขณะนี้เป็นเพียงปีแรกของการทำเหมืองเท่านั้น หากเหมืองเหล่านี้ยังคงดำเนินการต่อไปอีกหลายปี ผลกระทบในอนาคตจะทวีความรุนแรงและน่ากลัวมากขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดภาวะน้ำหลากหรือน้ำท่วมในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในปีนี้ ตะกอนโคลนที่มากับน้ำจะไม่เหมือนปีก่อนๆ เพราะได้ปนเปื้อนสารพิษอันตรายไว้แล้ว

ที่ประชุมเห็นพ้องกับการจัดกิจกรรมใหญ่ในวันที่ 5 มิถุนายน แต่ก็มีข้อเสนอจากนักธุรกิจที่เข้าร่วมว่า ควรพิจารณาเชิญตัวแทนจากสถานทูตจีน ตัวแทนกองกำลังว้าซึ่งควบคุมพื้นที่ต้นน้ำ และตัวแทนรัฐบาลเมียนมา เข้าร่วมการหารือในโอกาสต่อไป เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบปัญหาโดยตรงและร่วมกันหาทางออก

กลุ่มผู้จัดกิจกรรมต่างเน้นย้ำว่า ภาครัฐบาลไทยควรแสดงความกระตือรือร้นและเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวในวันที่ 5 มิถุนายน จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่มีเป้าหมายชัดเจน จากนั้นจะขยายผลไปยังพื้นที่อำเภออื่นๆ ที่ติดกับแม่น้ำ และอาจจำเป็นต้องเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อให้รัฐบาลจีนรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนริมแม่น้ำ และไม่สามารถเพิกเฉยต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนนี้ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *