น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ข้อความพาดพิงถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 โดยเปรียบเทียบว่านายกรัฐมนตรีเป็นเพียงตัวแทนของบิดาและไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนบิดานั้น

น.ส.ชญาภา ยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การเจรจาเรื่องการค้าและการดำเนินภารกิจระหว่างประเทศเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของผู้นำรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม น.ส.ชญาภา ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญความท้าทาย การดึงบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถเข้ามาช่วยให้คำปรึกษา หรือระดมสรรพกำลังจากทุกฝ่ายที่มีความรู้และประสบการณ์เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องปกติและสมควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่ามีประสบการณ์ในระดับโลกและมีเครือข่ายกว้างขวาง ความเชี่ยวชาญของท่านจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาของประเทศ

“ฝ่ายค้านควรเปิดใจให้กว้าง ลดอคติส่วนตัวลง และเลิกพฤติกรรมมือไม่พายเอาเท้าราน้ำได้แล้ว” น.ส.ชญาภา กล่าว พร้อมเสริมว่า “การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ได้หมายความว่าต้องคัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประเทศต้องการความร่วมมือ การคิดใช้ทุกศักยภาพที่มีให้เป็นประโยชน์คือสิ่งที่ควรทำ แต่หากเอาแต่พูดจาเสียดสี สร้างความแตกแยก บางทีการสงบปากสงบคำไว้บ้างอาจจะส่งผลดีต่อบรรยากาศทางการเมืองและประเทศชาติมากกว่า”

รองโฆษกพรรคเพื่อไทยทิ้งท้ายว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร กำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน และพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ แต่ก็ขอให้การวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและปราศจากอคติ