นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกมากล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ที่มีข่าวการย้ายพรรค โดยยอมรับว่า ขณะนี้มีความพยายามในการดึงตัว สส. และสมาชิกสำคัญๆ ของพรรคต่างๆ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะที่อาจเกี่ยวข้องกับการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำนวน สส. ที่มากขึ้นจะส่งผลต่อสัดส่วนรัฐมนตรีที่เพิ่มขึ้นได้

นายชวลิต เปิดเผยว่า ตนเองก็ถูกเพื่อนฝูงจำนวนมากสอบถามว่าไม่คิดย้ายพรรคบ้างหรือ ซึ่งก็ได้ตอบยืนยันไปว่า ตนมีความสุขกับการทำงานที่พรรคไทยสร้างไทย ด้วยเหตุผลหลักคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรค ท่านเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี และยังคงยืนหยัดในแนวทางนี้อย่างมั่นคง ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนักการเมืองรุ่นหลัง ท่านมีจิตใจที่แข็งแกร่ง มุ่งมั่นที่จะเห็นประเทศไทยดีขึ้น แม้จะมีอุปสรรคมากเพียงใดก็ไม่ย่อท้อ ยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ และไม่เคยทรยศต่อประชาชน

นอกจากหัวหน้าพรรคแล้ว คณะผู้บริหารพรรคยังมีบุคคลสำคัญอย่าง นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์สูง ทั้งด้านการเมืองและกฎหมาย รวมถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนที่ทำงานกันเป็นทีม ทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความสุข

นายชวลิต ย้ำว่า พรรคไทยสร้างไทยยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และได้ปรับยุทธศาสตร์ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเน้นการร่วมกันสร้าง “การเมืองสุจริต” ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคจะนำยุทธศาสตร์นี้เป็นนโยบายหลักในการรณรงค์หาเสียง เพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองที่สั่งสมมานาน ควบคู่กับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เด็ดขาด และเด็ดเดี่ยว

ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ไม่เข้มแข็ง ควบคุมลูกพรรคไม่อยู่ นายชวลิตยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หัวหน้าพรรคมีความเข้มแข็งสูง ดังจะเห็นได้จากประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนานกว่า 30 ปี ทั้งยังมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการบริหารประเทศ ทั้งความซื่อสัตย์สุจริตที่ประจักษ์ ไม่เคยมีมลทิน มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และผลงานชัดเจน มีคุณธรรม จริยธรรมสูง และยังมีเมตตา กรุณา จนสมาชิกในพรรคบางส่วนเรียกว่า “แม่พระ”

นายชวลิต กล่าวต่อไปว่า คุณหญิงสุดารัตน์มีความเด็ดขาดอย่างยิ่ง หาก สส. ในสังกัดกระทำการขัดมติพรรค ไม่ร่วมกิจกรรมของพรรค ทั้งที่พรรคได้ทุ่มเทกำลังกายใจและทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนให้ได้เป็น สส. ซึ่งกรณีเช่นนี้คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำผิดข้อบังคับพรรค พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น หัวหน้าพรรคจึงไม่ลังเลที่จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมและลงโทษตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองในการขจัด “งูเห่า” ให้หมดไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. พิจารณา

นายชวลิต ทิ้งท้ายว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร สาขาพรรค และสมาชิกพรรคได้รวมพลังกันเพื่อสร้าง “การเมืองสุจริต” ให้กำลังใจพรรคให้เป็นทางเลือกของประชาชน พรรคจะมีการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมงาน ส่วนกรณีที่มีคนออกไปนั้น ก็ย่อมมีคนใหม่เข้ามา แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยรายชื่อ โดยพรรคจะเลือกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกันคือการสร้างการเมืองสุจริต เพื่อนำพาประเทศและประชาชนให้หลุดพ้นจากวงจรทุจริต พัฒนาชาติให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้หมดสิ้นไปในยุคสมัยของพรรคไทยสร้างไทย