จากประเด็นที่การแข่งขันฟุตบอล “รีโว่ ไทยลีก” ในฤดูกาลหน้า (2025/26) จะมีการเปลี่ยนแปลงระเบียบการแข่งขันใหม่ในส่วนของจำนวนนักเตะผู้เล่นต่างชาติ โดยในส่วนของโควตาต่างชาติ (รวมนักเตะเอเชียด้วย) จะลงทะเบียนได้ 7 คน ส่งลงสนามได้ 5 คน กับโควตานักเตะอาเซียน สามารถลงทะเบียนได้ไม่จำกัด แต่ส่งลงสนามได้ 2 คน เท่ากับว่าถ้าทีมใดใช้ผู้เล่นต่างชาติครบตามโควตา จะทำให้เหลือพื้นที่ให้นักเตะไทยลงสนามเพียง 4 คนเท่านั้น

ล่าสุด “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ของ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า แน่นอนว่ามันส่งผลกับนักเตะไทย ถ้าหากนักเตะไทยยิ่งทำผลงานได้ไม่ดี โอกาสเล่นก็จะยิ่งน้อยลง

“ฉะนั้นมองอีกแง่หนึ่งจะเป็นการกระตุ้นนักเตะไทยให้ซ้อมหนักขึ้น เพราะตอนนี้จะซ้อมเท่าเดิมไม่พอแล้ว ถ้าสามารถทำได้ดีกว่านักเตะต่างชาติ คุณก็จะได้ลงเล่นเอง แต่ถ้าไม่ดีก็ไม่ได้ลงเล่น” ชนาธิป กล่าว

ดาวเตะทีมชาติไทย ยังกล่าวด้วยว่า ด้วยสภาพทีม สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ การจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ได้เล่นและมีเงินเดือนสูง คุณต้องพัฒนาตัวเองด้วย เพราะสุดท้ายถ้าหาทีมเล่นไม่ได้ ก็ต้องลดระดับลงไปเล่นในระดับไทยลีก2 หรือ ไทยลีก3 เพราะตอนนี้ไทยลีก 1 ไม่มีพื้นที่ให้เล่นมากพอแล้ว

“นักเตะไทยต้องพิสูจน์ตัวเอง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา มันก็เหมือนนักเตะต่างชาติ ถ้าหากผลงานไม่ดี เขาก็ต้องออกไปเหมือนกัน” ชนาธิป กล่าวเสริม

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประเด็นที่เอเยนต์นักฟุตบอลญี่ปุ่น เคยเปรียบเทียบว่านักฟุตบอลไทยอยู่ในระดับ JFL หรือ Japan Football League ลีกกึ่งอาชีพ อันถือเป็นลีกระดับ 4 ของฟุตบอลญี่ปุ่นนั้น

ชนาธิป ได้แสดงความเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ตอบยาก เพราะฟุตบอลญี่ปุ่นมีความเข้มข้นสูง ที่นั่นซ้อมกันหนักมาก ด้วยวัฒนธรรม หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ส่วนฟุตบอลไทยไม่ชอบครองบอล ไม่เพรสซิ่ง เน้นบอลฉาบฉวย เอาบอลขึ้นไปแดนบน แล้วก็จบให้ได้ รวมถึงพึ่งพานักเตะต่างชาติเยอะ ทีมไหนมีต่างชาติดีๆ ก็ได้เปรียบ

“ฟุตบอลญี่ปุ่นทุกระดับลีก เขามีการซ้อมที่เข้มข้นสูง แต่การจะบอกว่าทีมจาก JFL เหนือกว่าไทยลีกทุกทีมก็คงไม่ใช่ ถ้าเทียบกับทีมระดับล่างๆ ของไทยลีกก็อาจจะพอได้ แต่ถ้าลองเอาทีมระดับต้นๆ ไทยลีก ไปวัดกับทีมเจ2-เจ3 ก็อาจจะสูสี แต่บอลญี่ปุ่นเป็นระบบ ขึ้นลงพร้อมกัน วิ่งเยอะ ใช้พลังงานเยอะ” เมสซี่เจ กล่าวปิดท้าย