กรุงเทพฯ, 12 พฤษภาคม 2568 – กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เปิดเผยผลการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบเหตุการณ์เพลิงไหม้อาคารโรงงานเฟอร์นิเจอร์และคลังสินค้าในซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงในโกดังที่ใช้เก็บสินค้าประเภทพลาสติกและเฟอร์นิเจอร์

เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้มีลักษณะเป็นโกดังชั้นเดียว จุดเกิดเหตุมีการลุกไหม้และลุกลามไปถึง 2 โกดัง รวมถึงชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์และเม็ดพลาสติกจำนวนมากถึง 300,000 กิโลกรัม ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันสีดำหนาทึบจำนวนมากลอยปกคลุมในพื้นที่

กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีและก๊าซอันตรายในอากาศในพื้นที่ชุมชนด้านท้ายลม ครอบคลุมรัศมี 5 กิโลเมตร จำนวน 7 จุด ในช่วงเวลา 11.55-13.00 น. ของวันเกิดเหตุ โดยสรุปผลการตรวจวัดได้ดังนี้

1. บริเวณท้ายลมในพื้นที่ชุมชน 5 จุด (ระยะห่าง 1-5 กิโลเมตร) ได้แก่ ชุมชนทิวไผ่พัฒนา, โรงเรียน/วัดทองสัมฤทธิ์, หมู่บ้านฟลอร่าวิลล์, วัดทิพพาวาส และหมู่บ้านทรัพย์เจริญ ผลการตรวจพบสารเคมีหลายชนิดในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ ฟอร์มัลดีไฮด์, แอมโมเนีย, ไฮโดรเจนไซยาไนด์, ฟอสจีน และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เช่น สารเมทิลเมอร์เเคปเทน และสารไวนิลคลอไรด์ อย่างไรก็ตาม สารเคมีที่ตรวจพบในบริเวณนี้ยังไม่อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการหายใจแบบเฉียบพลัน

2. บริเวณด้านท้ายลมในพื้นที่ชุมชนใกล้จุดเพลิงไหม้ 2 จุด (ระยะประมาณ 150 เมตร) ได้แก่ บริเวณหมู่บ้านไลโอ และด้านข้างโกดังในซอยฉลองกรุง 55 ในบริเวณนี้ ประชาชนได้รับกลิ่นเหม็นไหม้พลาสติกรุนแรง และการตรวจวัดพบสารฟอร์มัลดีไฮด์, เมทิลเมอร์แคปเทน และฟอสจีน ในระดับที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการหายใจแบบเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังพบสารอินทรีย์ระเหยง่าย ได้แก่ ไวนิลคลอไรด์ และเอทิลเบนซีน ในปริมาณเล็กน้อย

สำหรับบริเวณพื้นที่เพลิงไหม้ในการปฏิบัติงาน ทางเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่ชุดป้องกันและหน้ากากกรองสารเคมีอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยังคงมีกลุ่มควันจากการเผาไหม้วัสดุและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกอยู่ตลอดเวลา

สถานการณ์การควบคุมเพลิงยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมีการลุกไหม้ในชั้นใต้ดินซึ่งเก็บผลิตภัณฑ์พลาสติกและเม็ดพลาสติกปริมาณมาก และยังมีกลุ่มควันสีดำจำนวนมากลอยตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงส่งผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียงในระยะประมาณ 200 เมตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพื่อความปลอดภัยของประชาชน สำนักงานเขตลาดกระบังได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ขึ้น และได้ประกาศอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงออกจากพื้นที่เกิดเหตุ โดยให้มาพักอาศัยที่จุดพักพิงชั่วคราวที่จัดเตรียมไว้ ณ โรงเรียนลำพะอง (ราษฎร์จำเริญบำรุง)

กรมควบคุมมลพิษได้ให้ข้อควรปฏิบัติแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ดังนี้

• ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงออกจากพื้นที่เกิดเหตุไปยังสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ในบริเวณเหนือลมทันที
• หากรู้สึกระคายเคืองผิวหนังและดวงตา ควรล้างผิวหนังหรือดวงตาที่ได้รับสัมผัสสารเคมีด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ หรือเป็นเวลาหลายนาที
• หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก, ไออย่างต่อเนื่อง, คลื่นไส้, อาเจียน หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่าสงสัย ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว