ชัยธวัช เรียกร้อง สส.รัฐบาล เปิดใจพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมรวมคดี 112 ชี้เป็นโอกาสคลี่คลายความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิด อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. … กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม ทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมผู้สภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้า มองว่าจะเกิดเกมการเมืองทำให้ไม่ได้พิจารณาหรือไม่ว่า หวังว่าจะไม่มี

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า จริงๆ ร่างกฎหมายของตนที่เสนอตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลจนถึงพรรคประชาชน อยู่ในลำดับต้นๆ อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีการเลื่อนขึ้นมา ดังนั้น ในสมัยการประชุมหน้า ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือมีเจตนาที่จะขัดขวางไม่ให้เรื่องนี้ได้รับการพิจารณา ก็จะต้องมีการพิจารณาในไม่ช้า

เมื่อถามกรณีพรรคร่วมรัฐบาลประกาศตัวจะไม่รับร่างพ.ร.บ.ฉบับที่นิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคการเมืองต่างๆ จะเห็นด้านบวก และประโยชน์จากการที่จะนิรโทษกรรมให้กับคดีการเมืองทุกกลุ่ม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการคลี่คลายความขัดแย้งที่มีมา

“เราต้องยอมรับว่าคดีการเมือง โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ที่หลายฝ่ายกังวลและไม่อยากให้หยิบนำมารวมในการนิรโทษกรรม ผมคิดว่าเรายังมีเวลาที่จะหาทางออกต่อเรื่องนี้ ที่ยอมรับกันได้” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า ยกตัวอย่างกลไกในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้มีการเสนอไว้ส่วนหนึ่งว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อพิจารณาสำหรับคดีที่มีความความอ่อนไหวทางการเมือง

จากข้อกังวลที่ว่าหากมีการนิรโทษกรรมไปแล้วจะกลับมากระทำผิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในข้อเสนอของรายงานกมธ.วิสามัญฯ ว่า ให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมพิจารณาวางเงื่อนไข และกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำให้เป็นเงื่อนไข ก่อนที่จะได้รับการนิรโทษกรรมโดยสมบูรณ์

นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็อยากให้เปิดโอกาส ยังไม่อยากให้รีบปัดตกร่างของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไปพูดคุยหารือกันให้รอบคอบ มองเห็นทั้งผลดีผลเสียอย่างรอบด้าน ถ้าเราปิดกั้นการนิรโทษกรรมบางคดีไปแล้ว จะบรรลุวัตถุประสงค์ในการคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบันได้จริงหรือไม่ เพราะอย่างไรการคุยกันในชั้นกมธ.ก็ยังมีเวลาอยู่ และสส.ฝ่ายรัฐบาล ก็เป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้ปัดตกร่างใดร่างหนึ่งไป

เมื่อถามกรณีนายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน ถูกออกหมายจับในคดี ม.112 นายชัยธวัช กล่าวว่า กรณีนี้ยิ่งเห็นได้ชัดว่า คดีม.112 มีปัญหาจริงๆ ทั้งปัญหาในเชิงตัวบทกฎหมาย และการบังคับใช้ ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเป็นคดีที่หลายคนยังสงสัยว่า การกระทำอะไรที่ทำให้พอลถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงเช่นนี้ ยังไม่นับกรณีที่ถึงขั้นต้องออกหมายจับแทนที่จะออกหมายเรียกตามปกติ

โดยพอลได้เข้าไปเจรจาและรายงานตัวโดยไม่คิดหลบหนี เพราะเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้จะได้รับการประกันตัวในภายหลัง ก็ยังจะให้ถอนวีซ่าอยู่ดี ทั้งที่ยังไม่มีการพิจารณาว่า พอลได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งก็เป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้สำคัญว่าจะเป็นคนสัญชาติอเมริกันหรือสัญชาติไทย

“นี่คือการตอกย้ำว่า คดี ม.112 มีปัญหาจริงๆ กลายเป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง และไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นต่อจากนี้ คือ กระบวนการที่เป็นปกติ ทั้งสิทธิในการต่อสู้ตามกระบวนการ สิทธิที่จะได้รับการประกันตัว หรือสิทธิอื่นๆ และหวังว่าคดีนี้ จะไม่ทำให้สถานการณ์คดีการเมืองเลวร้ายลงไปอีก” นายชัยธวัช กล่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *