ฉลองอายุวัฒนมงคล ๘๘ ปี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมังกโร) พระเถระผู้ทรงคุณแห่งวัดโพธิ์
กรุงเทพมหานคร – ในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 ถือเป็นวันมงคลยิ่ง สำหรับพุทธศาสนิกชนไทย เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมังกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร จะมีอายุวัฒนมงคลครบ ๘๘ ปี
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่สาธุชนให้ความเคารพเลื่อมใส ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงาม ธำรงตนตามแบบอย่างพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (สุปฏิปันโน) ปัจจุบันสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๗ ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ไทยหลายตำแหน่ง ทั้งในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และเจ้าอาวาสพระอารามหลวงสำคัญคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ มีนามเดิมว่า ประสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ (ต่อมาเปลี่ยนเป็น ปสฤทธ์) เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ณ บ้านยางน้อย ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ท่านได้เข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ โดยบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2491 ณ วัดยางน้อย มีพระครูพินิฐศีลคุณ เจ้าคณะอำเภอเขื่องใน เป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านมีความมุ่งมั่นในการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท และเอก จากสำนักเรียนวัดยางน้อย นอกจากนี้ยังได้จาริกติดตามพระอาจารย์เพื่ออบรมและปฏิบัติธุดงค์ในสำนักกัมมัฏฐานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี นครพนม และสกลนคร ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่ออบรมการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 ณ วัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร โดยมีพระธรรมธีราชมหามุนี (ธีร์ ปุณณโก) ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระธีรญาณมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์
ด้วยความเพียรพยายาม ท่านสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค จากสำนักเรียนวัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2501 และได้สร้างคุณูปการมากมายแก่คณะสงฆ์และสังคม อาทิ เป็นประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศในปี พ.ศ. 2562 และเป็นประธานโครงการอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานทั้งสำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะที่วัดธัมมาราม นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมวัดยานนาวา ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำกรุงเทพมหานคร แห่งที่ ๑
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ของท่านก้าวหน้ามาโดยลำดับ ตั้งแต่เป็นเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ, เลขานุการเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิฯ, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิฯ, เจ้าอาวาสวัดยานนาวา, เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, กรรมการมหาเถรสมาคม และล่าสุดคือ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ
ในส่วนของสมณศักดิ์ ท่านได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พระราชาคณะชั้นสามัญ ชั้นราช ชั้นเทพ ชั้นธรรม ชั้นเจ้าคณะรอง และในปี พ.ศ. 2562 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ในราชทินนามที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์
นอกจากความเชี่ยวชาญด้านพระปริยัติธรรมและการปฏิบัติ ท่านยังมีความสนใจศึกษาค้นคว้าศาสตร์ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์มาตั้งแต่ยังเป็นสามเณร ด้วยมองว่าเป็นศาสตร์สถิติที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้กำลังใจประชาชน ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต แก้ไขปัญหา และพัฒนาตนเองให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นพระเถระผู้มีมโนปณิธานอันแน่วแน่ในการสนองงานคณะสงฆ์ สนองพระมหากรุณาธิคุณ และเกื้อกูลศรัทธาของสาธุชนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย การจัดงานมุทิตาสักการะอายุวัฒนมงคล ๘๘ ปี ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมแสดงความเคารพและน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน.