Category: ข่าวเศรษฐกิจ

Black Tuesday: วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พังทลายและจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในช่วงปี ค.ศ.1924-1929 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 22 สร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่ต่างพากันลงทุนในตลาดหุ้นอย่างล้นหลาม ด้วยความเชื่อที่ว่าการเล่นหุ้นคือทางลัดสู่ความมั่งคั่งและความสุข แต่แล้วในวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 1929 ความฝันเหล่านั้นก็พังทลายลงในวันซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า “Black Tuesday” ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พังย่อยยับ สร้างความเสียหายมหาศาลถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้คนจำนวนมากสูญเสียเงินเก็บทั้งหมด และมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากการกู้ยืมเพื่อเล่นหุ้น วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ธนาคารหลายพันแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากหนี้เสียจำนวนมาก ประชาชนต่างตื่นตระหนกและพากันไปถอนเงินจากธนาคาร แต่หลายคนก็พบเพียงธนาคารที่ปิดทำการแล้ว

วิกฤตเศรษฐกิจ-การเมืองไทย ท่ามกลางแผ่นดินไหวและกำแพงภาษีสหรัฐฯ

สถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับวิกฤตหลายด้านพร้อมกัน ทั้งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนโยบายภาษีใหม่จากสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ สร้างความเสียหายอย่างหนักในกรุงเทพมหานคร โดยมีอาคารหลายแห่งถล่มลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย ด้านเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง โดยตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากจุดสูงสุดเกือบ 1,500 จุด มาเหลือต่ำกว่า 1,000 จุด สาเหตุหลักมาจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจที่ขาดความชัดเจน ปัญหาเลวร้ายขึ้นเมื่อสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยถึง 36% ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคส่งออกซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทย ในด้านการเมือง

วิกฤตภาษีสหรัฐฯ 36% ต่อไทย: รัฐบาลเงียบ นักธุรกิจว้าเหว่ ยุทธศาสตร์รับมือยังคลุมเครือ

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าไทยเป็น 36% เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ความเงียบงันจากรัฐบาลไทยสร้างความกังวลให้วงการธุรกิจ ในขณะที่ผู้นำประเทศอื่นอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียออกมาแถลงการณ์ทันที ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยยุทธศาสตร์เบื้องต้นว่าไทยควรระงับการเจรจาลดภาษีทันที เพื่อเก็บ “กระสุน” ต่อรองในระยะยาว พร้อมเสนอมาตรการเช่น การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลือง ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศเผยข้อมูลน่าตกใจว่า มีการสวมสิทธิส่งออกสินค้าถึง 49 รายการผ่านไทยไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไทยถูกขึ้นภาษี ทั้งที่รายได้ไม่ได้ตกถึงมือผู้ส่งออกไทย

ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีจีน 125% พร้อมระงับภาษีต่างตอบแทน 90 วันสำหรับประเทศอื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่จะเก็บจากสินค้านำเข้าจากประเทศจีนเป็น 125% ขณะเดียวกันจะระงับการเก็บภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariff) สำหรับประเทศอื่นๆ เป็นเวลา 90 วัน นายทรัมป์เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ใน Truth Social ว่า “เนื่องจากการขาดความเคารพต่อตลาดโลกที่จีนแสดงออกมา ผมจึงขอเพิ่มภาษีศุลกากรที่สหรัฐอเมริกาจะเก็บจากจีนเป็น 125% มีผลบังคับใช้ในทันที” เดิมทีสหรัฐฯ เก็บภาษีจีนรวม 54% (ภาษีต่างตอบแทน

เพื่อไทยเผยแผนรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ ชูนโยบาย ‘win-win’ ปกป้องผู้ส่งออก-ผู้ผลิตไทย

9 เมษายน 2568 – นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกลยุทธ์รับมือมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เตรียมแผนเจรจาอย่างรอบคอบ โดยไม่ตอบโต้หรือยอมจำนน แต่เน้นย้ำความสัมพันธ์อันดีและแสดงจุดยืนเป็นพันธมิตรทางการค้า “มาตรการล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นเกมการเมืองที่ต้องการให้ประเทศต่างๆ แข่งขันกันเสนอข้อตกลงที่ดีที่สุด” นายชนินทร์กล่าว พร้อมเผยว่าไทยจะส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรบางชนิดที่ไทยผลิตไม่เพียงพอ พร้อมผลักดันยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางแปรรูปอาหารโลก นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหา “สินค้าผีปลอมสัญชาติ”

จีนตอบโต้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า 84% หลังโดนเก็บภาษีต่างตอบแทน 104%

ในวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 กระทรวงการคลังของจีนประกาศมาตรการตอบโต้ทางการค้า โดยเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ภาษีต่างตอบแทนในอัตราสูงถึง 104% ต่อสินค้าจากจีน มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากการประกาศของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีต่างตอบแทนจากหลายประเทศ รวมถึงจีนในอัตรา 34% เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีเดิม 20% ที่มีผลบังคับใช้อยู่แล้ว ทำให้จีนต้องเผชิญกับกำแพงภาษีรวม 54%

EU ไฟเขียวเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐฯ แบ่ง 3 ช่วงถึงปี 68 หลังทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า

บรัสเซลส์ – สหภาพยุโรป (EU) ได้ลงมติเห็นชอบให้บังคับใช้มาตรการเก็บภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะทยอยบังคับใช้เป็น 3 ช่วงจนถึงเดือนธันวาคม 2568 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก EU คณะกรรมาธิการยุโรปออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ยืนยันว่าทุกประเทศสมาชิก EU ได้ให้การรับรองมาตรการตอบโต้ทางการค้าดังกล่าว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที โดยจะเริ่มทยอยเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนนี้เป็นต้นไป

ตลาดรถเช่าไทยพุ่ง! คาดแตะ 55,000 ล้านบาทในปี 2568 เติบโตเฉลี่ย 5-8% ต่อปี

ตลาดรถเช่าในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยคาดว่าในปี พ.ศ. 2568 มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55,000 ล้านบาท จากเดิมที่ประมาณ 51,000 ล้านบาทในปี 2566 สะท้อนถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5-8% ต่อปี ปัจจัยสำคัญในการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่ต้องการบริการรถเช่าสำหรับการเดินทางและดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มการจองรถเช่าออนไลน์ยังช่วยอำนวยความสะดวกและกระตุ้นการใช้บริการมากขึ้น แบ่งตลาดเป็น 2 กลุ่มหลัก จากข้อมูลของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics)

สภาฯ ถกญัตติด่วนเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจ รับมือสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า สส.กล้าธรรมย้ำ “อย่าใช้เกษตรกรเป็นตัวประกัน”

วันที่ 9 เมษายน 2568 – ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาญัตติด่วนเพื่อเร่งแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เสนอแนวทางรับมือและเรียกร้องให้รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกรและภาคอุตสาหกรรม ญัตติด่วนจากพรรคกล้าธรรม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาผู้แทนราษฎรศึกษาผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลต่อประเทศไทย โดยเน้นย้ำว่า “รัฐบาลต้องไม่ใช้สินค้าเกษตรเป็นตัวประกันในการเจรจา” และเสนอ 4 มาตรการหลัก: เจรจาอย่างรัดกุมเพื่อลดผลกระทบต่อเกษตรกร หาประเทศคู่ค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา เตรียมมาตรการรองรับสินค้าจากยุโรปที่อาจไหลทะลักสู่เอเชีย จัดมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เสียงสะท้อนจากพรรคประชาชน

ไอทีดี-ซีอาร์อีซีนัมเบอร์เทน ชี้แจงกรณีค้างจ่ายค่าแรง ตึกสตง. ยันจ่ายผู้รับเหมาแล้ว แต่บริษัทลูกไม่จ่ายต่อ

วันที่ 9 เมษายน 2568 – กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซีนัมเบอร์เทน (ไทย) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 กรณีข้อกล่าวหาค้างจ่ายค่าแรงผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ระบุชัดเจนว่าจ่ายเงินครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แต่ผู้รับเหมาชั้นสองคือ บริษัท ก้าวพีเค จำกัด ไม่นำเงินไปจ่ายต่อให้ลูกจ้าง ข้อเท็จจริงจากแถลงการณ์ จากกรณีที่มีการร้องเรียนจากกลุ่มผู้รับเหมาว่าไม่ได้รับค่าแรง ทางกิจการร่วมค้าฯ ชี้แจงว่า: ได้ชำระเงินงวดที่ 23 ให้บริษัท ก้าวพีเค

xee4.com อัพเดทข่าวสารรวดเร็ว ครบทุกประเด็น

BREAKING NEWS