Category: ข่าวเศรษฐกิจ

รมว.พาณิชย์เจรจาทูตจีน ขอผ่อนปรนมาตรการตรวจสาร BY2 ในทุเรียนไทย เร่งส่งออก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนางสาวจาง เซียวเซียว อุปทูตด้านเศรษฐกิจและการค้า ว่าได้หยิบยกประเด็นปัญหาอุปสรรคในการส่งออกทุเรียนไทยไปยังประเทศจีน โดยเฉพาะปัญหาการตรวจพบสารตกค้างและการตรวจสอบที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการกระจายสินค้าในฤดูกาลผลไม้ปีนี้ รมว.พาณิชย์ระบุว่า ได้ขอให้จีนพิจารณาผ่อนปรนมาตรการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียนไทย โดยเฉพาะการตรวจสาร BY2 ที่ปัจจุบันสุ่มตรวจ 100% พร้อมทั้งขอให้เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจผ่านด่าน เพิ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การตรวจ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนในช่วงฤดูผลไม้ ทั้งนี้ อัครราชทูตจีนได้นำข้อเสนอของไทยไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน เพื่ออำนวยความสะดวก

ลุ้น 17 เม.ย. ศาลนัดไต่สวนฉุกเฉินคำร้อง ‘เนสท์เล่’ ขอถอนคำสั่งห้ามผลิต-ขาย ‘เนสกาแฟ’ ในไทย

กรณีพิพาทด้านลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้ากาแฟสำเร็จรูประหว่างบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กับคู่ความอีกฝ่าย กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญ เมื่อศาลแพ่งมีนบุรีกำหนดนัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. เพื่อพิจารณาคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของเนสท์เล่ รายงานข่าวล่าสุดเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เนสท์เล่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี ขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ห้ามบริษัทดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต

แบงก์ชาติชี้ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อหลุดกรอบเป้าหมาย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนจะต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1-3 แต่ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ซึ่งต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมาย เนื่องจากปัจจัยด้านอุปทานในหมวดพลังงานและอาหารสด โดยเฉพาะผลจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลงและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาล อย่างไรก็ดี ธปท.

รมว.คลังเผย 5 แนวทางเจรจาสหรัฐฯ แก้ปมภาษีทรัมป์ ยันยังไม่นำเข้าหมูหวั่นกระทบเกษตรกรไทย

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของไทยต่อนโยบายการค้าสหรัฐฯ ระบุว่ายังไม่สามารถระบุวันที่ชัดเจนสำหรับการเดินทางไปเจรจา เนื่องจากต้องรอท่าทีจากสหรัฐฯ ก่อน โดยคาดว่าจะมีการหารือภายในเดือนเมษายนนี้ “การเจรจาระดับประเทศมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม ไทยไม่ใช่ประเทศที่สหรัฐฯ มองว่ามีปัญหาเร่งด่วนเหมือนบางประเทศ ดังนั้นจังหวะเวลาจึงขึ้นอยู่กับบริบท” รมว.คลังกล่าว สำหรับ 5 แนวทางหลักในการเจรจา ได้แก่ 1.การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ แบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย 2.การปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ให้เทียบเท่าประเทศอื่น 3.ป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าไทย 4.ลดขั้นตอนความไม่สะดวกทางการค้า และ 5.แสวงหาโอกาสลงทุนในสหรัฐฯ

สงครามการค้าโลกยุคใหม่: ทรัมป์เปิดศึกเต็มรูปแบบกับจีน ใช้ ‘ภาษี’ เป็นอาวุธ

ในยุคที่สงครามเปลี่ยนรูปแบบจากอาวุธยุทโธปกรณ์มาเป็น “การค้า” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีพื้นเพเป็นนักธุรกิจ กำลังใช้ความเชี่ยวชาญด้านการค้ามาเป็นเครื่องมือต่อสู้กับศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่าง “สี จิ้นผิง” แห่งจีน นโยบายภาษีของทรัมป์ที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากเกือบทุกประเทศทั่วโลก สร้างความสั่นสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจโลก โดยอ้างว่าประเทศเหล่านี้เอาเปรียบสหรัฐฯ ในการค้า เริ่มจากการขึ้นภาษีพื้นฐาน 10% แต่บางประเทศเช่นแคนาดาและเม็กซิโกโดนขึ้นมากเป็นพิเศษ ส่วนจีนนั้นโดนหนักที่สุด คณะทำงานของทรัมป์ได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นรายวัน อย่างไรก็ตาม จีนเป็นประเทศเดียวที่ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน

สงครามการค้าระดับโลก! สหรัฐฯ-จีนขึ้นภาษีตอบโต้ ส่งผลกระทบวงกว้าง

มาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก หลังทั้งสองฝ่ายต่างเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ตอบโต้จีนด้วยการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าสูงถึง 125% จากเดิมที่เพิ่มไปแล้ว 30% ขณะที่จีนก็เพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ 84% สถานการณ์นี้ถูกมองว่าเป็น “สงครามการค้า” ที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติในเร็ววัน โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่าทุกประเทศจะต้องยอมตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ ในที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่าคำพูดนี้กำลังเป็นจริงในปัจจุบัน โดยหลายประเทศที่ไม่ได้ตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ต้องยอมเจรจาต่อรองและปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในที่สุด ผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ส่งผลถึงประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะหากต้องนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์จากสหรัฐฯ ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยโดยตรง นอกจากนี้

บังกลาเทศเผชิญวิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐฯ 37% ศ.ยูนุสชี้เป็นโอกาสปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการ

สถานการณ์สหรัฐอเมริกากำหนดกำแพงภาษี สร้างผลกระทบไปทั่วโลก บังกลาเทศก็ถูกภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯในอัตรา 37% ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยอมรับว่าเป็นการ “Disrupt” ที่ขัดจังหวะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ชี้ว่าเป็นโอกาสในการปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการ ในการสนทนาพิเศษกับทีมข่าวไทยรัฐระหว่างการประชุม BIMSTEC ที่กรุงเทพฯ ศ.ยูนุสกล่าวว่า “เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำลายจังหวะ สิ่งที่ทำได้คือการเตรียมตัวเผชิญกับสถานการณ์ หากคุณมีความเฉลียวฉลาดเพียงพอก็จะมองเห็นโอกาสรอบตัว” ผู้นำบังกลาเทศซึ่งกำลังเตรียมเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศ หลังการลาออกของอดีตนายกฯ ชีค ฮาสินา เปิดเผยว่า ปัญหาหลักของชาวบังกลาเทศคือการขาดความสนใจในการทำธุรกิจ “หลังได้รับเอกราชปี

วิกฤตเศรษฐกิจไทย! โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้า 36% SCB EIC เตือนผลกระทบรุนแรง

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกโรงเตือนผลกระทบ”นโยบายภาษีทรัมป์ 2.0″ หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยถึง 36% ส่งผลให้สินค้าส่งออกหลักของไทยอย่างคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารแปรรูป เจออุปสรรคหนัก โดย SCB EIC ประเมินว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะเมื่อประเทศคู่ค้าหันไปนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้การส่งออกของไทยซบเซา และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม 4 กลยุทธ์เจรจาสู้ “ปีศาจนักต่อรอง”

ไทยเตรียมเจรจาสหรัฐฯ เร่งดันส่งออกเกษตร-อาหารสัตว์ หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการดำเนินการของไทยต่อนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยเน้นย้ำถึงความพร้อมในการเจรจาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ นายพิชัยระบุว่า การประชุมครั้งนี้ได้ลงลึกถึงรายละเอียดของสินค้าส่งออกหลักที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปและอาหารสัตว์ ซึ่งไทยมีโอกาสขยายส่วนแบ่งการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 3% ให้เพิ่มขึ้นเป็น 6% โดยอาศัยจุดแข็งด้านวัตถุดิบและการผลิต “เราต้องใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มการส่งออก โดยเฉพาะอาหารสัตว์ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ หากสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกได้จะเป็นผลดีอย่างมาก นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด

อ.ต.ก. จับมือ FTI ฟิลิปปินส์ ขยายตลาดส่งออกข้าวไทย เพิ่มเป็น 3.6 แสนตันต่อเดือน

นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดเผยความสำเร็จในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Food Terminal Incorporated (FTI) รัฐวิสาหกิจชั้นนำของฟิลิปปินส์ เพื่อขยายปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปยังฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 60,000 ตัน จากเดิม 300,000 ตัน เป็น 360,000 ตันต่อเดือน ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ ภายใต้วิสัยทัศน์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพ สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกรไทย และยกระดับมาตรฐานข้าวไทยในตลาดโลก

xee4.com อัพเดทข่าวสารรวดเร็ว ครบทุกประเด็น

BREAKING NEWS