ครม. ไฟเขียว งบกลางกว่า 7.4 พันล้านบาท ลุยแก้ภัยแล้ง-จัดการน้ำทั่วประเทศ ปี 68

ครม. ไฟเขียว งบกลางกว่า 7.4 พันล้านบาท ลุยแก้ภัยแล้ง-จัดการน้ำทั่วประเทศ ปี 68

ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในส่วนของงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 7,404.34 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวนทั้งสิ้น 2,748 รายการ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า การอนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลให้กับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่สภาพภูมิอากาศมีความแปรปรวนสูง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยแล้งยาวนาน หรือฝนทิ้งช่วงที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ต่างๆ

โครงการที่ได้รับอนุมัติภายใต้งบประมาณดังกล่าว มีความหลากหลายและครอบคลุมมาตรการทั้งในเชิงรับและเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ อาทิ:

  • การพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน: การขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่และการปรับปรุงบ่อบาดาลเดิม เพื่อให้ประชาชนมีแหล่งน้ำสำรองสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำผิวดิน
  • การปรับปรุงและขยายระบบกระจายน้ำ: การก่อสร้าง การปรับปรุง และซ่อมแซมระบบประปาในชุมชนต่างๆ เพื่อให้การส่งน้ำเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ รวมถึงการติดตั้งระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำเพื่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูกหรือพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำ
  • การเพิ่มความจุของแหล่งเก็บน้ำและทางน้ำ: การขุดลอกคูคลอง หนองบึง อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำและปรับปรุงการไหลเวียนของน้ำ
  • การป้องกันความเสียหายจากน้ำ: การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อป้องกันการกัดเซาะและทรุดตัวของริมแม่น้ำลำคลอง ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีปริมาณน้ำมากหรือในช่วงที่ระดับน้ำมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • การบำรุงรักษาและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ: การซ่อมแซมประตูระบายน้ำและอาคารชลประทานต่างๆ ที่ชำรุดเสียหาย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการการระบายและกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการทั้ง 2,748 รายการนี้ จะกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเน้นพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง การอนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ถือเป็นงบกลางที่ได้รับการพิจารณาตามความเห็นและข้อเสนอแนะจากสำนักงบประมาณ เพื่อให้มั่นใจว่างบประมาณจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

รัฐบาลคาดหวังว่า การลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำเหล่านี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ต้องพึ่งพาน้ำ รวมถึงสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำให้กับประเทศในระยะยาว และเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ การดำเนินการตามโครงการทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามแผนการใช้จ่ายที่ได้รับการเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ และจะมีการกำกับติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ และรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงในปี 2568 ได้อย่างแท้จริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *