ครม. อนุมัติขยายเวลา ‘บจธ.’ ออกไปอีก 5 ปี ถึงปี 2573 เดินหน้าจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ เพื่อเกษตรกรและผู้ยากจน
ครม. ไฟเขียวขยายระยะเวลาการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) ออกไปอีก 5 ปี จนถึงปี 2573 เพื่อให้ภารกิจจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ และช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้มีที่ดินทำกิน เดินหน้าต่อไปได้
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติสำคัญในการประชุม เห็นชอบในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยมีสาระสำคัญคือการขอขยายระยะเวลาการยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน หรือ บจธ. ออกไปอีก 5 ปี
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม. ว่า มติดังกล่าวหมายความว่า บจธ. จะยังคงดำเนินงานต่อไปได้จนถึงวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2573 จากเดิมที่กำหนดให้ยุบเลิกเมื่อพ้นวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเหตุผลเบื้องหลังการขยายเวลาครั้งนี้ว่า เนื่องจากการดำเนินการจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ หรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในลักษณะทำนองเดียวกันนั้น ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ ทำให้มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำรงอยู่ของ บจธ. ออกไป
การขยายระยะเวลานี้ จะช่วยให้ บจธ. สามารถดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักและอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการที่ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่กระบวนการจัดตั้งธนาคารที่ดินซึ่งเป็นองค์กรถาวรยังคงเดินหน้าอยู่
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2554 สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ถูกจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา โดยมีพันธกิจสำคัญคือการเป็นกลไกในการจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ เพื่อกระจายการถือครองที่ดินให้เกิดความเป็นธรรมและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดินได้อย่างทั่วถึง รวมถึงการนำที่ดินที่ไม่มีการใช้ประโยชน์มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส
ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับเดิม มาตรา 40 ได้กำหนดเงื่อนไขการยุบเลิก บจธ. ไว้ 2 กรณี คือ เมื่อมีการจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกันแล้วเสร็จ หรือเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ แม้จะยังไม่ได้จัดตั้งธนาคารที่ดินก็ตาม อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนและความท้าทายในการจัดตั้งองค์กรใหม่ที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมภารกิจด้านที่ดิน ทำให้กระบวนการยังต้องใช้เวลาเพิ่มเติม การขยายเวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ภารกิจไม่สะดุด
มติ ครม. ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะสนับสนุนให้ บจธ. ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านที่ดิน และผลักดันให้การจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ เพื่อเป็นกลไกถาวรในการช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันในชีวิต บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
หลังจากนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับแก้ไขนี้ จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนทางกฎหมาย ก่อนจะประกาศใช้และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป