เรื่องราวสุดแปลกแต่จริงของชายชาวอังกฤษที่กำลังเป็นที่พูดถึง เมื่อเขาป่วยด้วยโรคหายากที่ทำให้ร่างกายของเขาไม่สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายเหมือนคนทั่วไป โดยทานได้เพียงแค่ขนมปัง ซีเรียล และเยลลี่เท่านั้น

โทมัส เชอริแดน ชายวัย 35 ปี จากประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยเรื่องราวของเขาที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ARFID (Avoidant Restrictive Food Intake Disorder) เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นความผิดปกติทางการกินที่ค่อนข้างหายากและส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของเขา

โทมัส เล่าว่า อาหารประจำวันของเขานั้นจำเจเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยขนมปังขาวประมาณ 2 แผ่น ซีเรียล 3 ถ้วย และเยลลี่ปริมาณมาก เขาไม่เคยลองทานผลไม้ ผัก ไข่ หรือเนื้อสัตว์เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่คิดถึงอาหารเหล่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้และอยากอาเจียนทันที

อาการนี้ไม่ใช่เพิ่งเป็น แต่ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเด็ก พ่อแม่ของเขาเล่าว่า โทมัสปฏิเสธอาหารบางชนิดมาตั้งแต่เขาอายุเพียง 18 เดือน และไม่เคยยอมลองกินผลไม้หรือผักเลย แม้จะพยายามโน้มน้าวใจอย่างไรก็ตาม แพทย์เคยแนะนำให้พ่อแม่ปล่อยให้เขาอดอาหารจนกว่าจะอยากกิน แต่ก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับความพยายามให้รางวัลที่ล้มเหลว

เนื่องจากความกลัวว่าจะขาดสารอาหาร โทมัสจึงต้องทานวิตามินและอาหารเสริมเพิ่มเติม แต่เขาก็เลือกทานเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติที่เขารับได้เท่านั้น เขาเคยพยายามเพิ่มความหลากหลายของอาหารหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ครั้งหนึ่งเขาไปดื่มกับเพื่อนๆ และพยายามทานแซนวิชที่มีไข่และไส้กรอก แต่ทันทีที่ไข่สัมผัสปาก เขาก็ต้องคายมันออกมาทันที

ข้อจำกัดในการเลือกทานอาหารของโทมัสส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการใช้ชีวิตของเขา เขาไม่สามารถทำงานประจำได้อย่างต่อเนื่อง เขายกตัวอย่างว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาทำงานติดต่อกันเกิน 10 วัน เขาสูญเสียน้ำหนักตัวไปเกือบ 10 กิโลกรัม เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อกิจกรรม

เพื่อหาทางรักษาอาการป่วยหายากนี้ โทมัสกำลังพยายามระดมทุนเป็นจำนวน 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.6 แสนบาท เพื่อเข้ารับการบำบัดด้วยการสะกดจิต โดยหวังว่าการบำบัดนี้จะช่วยให้เขาสามารถเอาชนะความผิดปกติทางการกินที่รบกวนชีวิตเขามานานหลายปีได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับประกันว่าอาการของเขาจะหายขาดได้ 100%

เรื่องราวของโทมัส เชอริแดน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของผู้ป่วยโรค ARFID ซึ่งเป็นมากกว่าแค่อาการเบื่ออาหาร แต่เป็นความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างแท้จริง

ที่มา: New York Post