บึ้มสะเทือนโคกเคียน! ระเบิด 80 กก. ซุก จยย.พ่วงข้าง ถล่มข้างแฟลตตำรวจนราฯ เจ็บ 10 ราย บ้านพังยับ 22 หลัง ชี้ฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ พบคนร้ายเตือนเด็กก่อนลงมือ

นราธิวาส – เหตุการณ์สะเทือนขวัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องขนาดใหญ่ น้ำหนักกว่า 80 กิโลกรัม ซุกซ่อนมาในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง นำมาจอดไว้บริเวณข้างกำแพงแฟลตที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกเคียน จังหวัดนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทันที 10 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเด็ก อาคาร แฟลต และบ้านเรือนประชาชน รวมถึงยานพาหนะเสียหายเป็นจำนวนมาก คาดเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบที่ยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ ขณะที่พยานและกล้องวงจรปิดเผยนาทีก่อเหตุ พร้อมข้อมูลน่าตกใจ คนร้ายได้เตือนเด็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียงให้หลบหนีก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, พ.ต.อ.วีระยุทธ์ ตาสีพัน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุระเบิดร้ายแรง บริเวณถนนข้างกำแพงรั้วด้านหลังของแฟลตที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกเคียน ในพื้นที่บ้านทอนฮีเล หมู่ 10 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ใช้รถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นอย่างประณีตภายในถังแก๊สหุงต้ม ขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวงจรไอ.ซี.ไทม์เมอร์ (IC Timer) กำหนดเวลาไว้ประมาณ 18.49 น. จากนั้นได้นำรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ริมถนนข้างกำแพงรั้วแฟลตตำรวจ ก่อนจะหลบหนีไป

เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ ได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แรงอัดและสะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเด็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บทันที 10 ราย โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และโรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์

จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดขนาดใหญ่บนพื้นผิวถนนลาดยาง มีความลึกประมาณ 40 เซนติเมตร และกว้างถึง 200 เซนติเมตร ซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องและรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณในรัศมีกว่า 50 เมตร กำแพงรั้วแฟลตตำรวจที่ทำจากอิฐบล็อกถูกอนุภาคของระเบิดทำลายเสียหายเป็นช่วงๆ ยาวกว่า 10 เมตร ตัวอาคารแฟลตที่พักตำรวจ 4 ชั้น กระจกหน้าต่างแตกเสียหายทุกห้อง รวมถึงทรัพย์สินภายในห้องพักบางส่วนก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

ที่จอดรถใต้ถุนแฟลต ซึ่งเป็นที่จอดรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่ามีรถยนต์เก๋งและรถกระบะรวม 9 คัน ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิด ทั้งกระจกแตก ตัวถังยุบเป็นรูจากสะเก็ดระเบิด และบางคันมีกระโปรงหลังรถฉีกขาด นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่อีก 17 คัน ก็เสียหายเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิดตามตัวถังและส่วนต่างๆ

แรงระเบิดยังส่งผลกระทบถึงบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ สะเก็ดระเบิดและชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้กระเด็นไปถูกบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึง 22 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นกระเบื้องมุงหลังคาและฝ้าเพดาน เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมชิ้นส่วนต่างๆ ไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวน

การตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่จากการตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์ ทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ ซึ่งได้มีการแจ้งหายไว้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ก่อนที่คนร้ายจะนำมาดัดแปลงเป็นรถพ่วงข้างเพื่อใช้ซุกซ่อนระเบิดมาก่อเหตุร้ายในครั้งนี้

ภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง สามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ชัดเจน โดยคนร้ายอาศัยความมืดช่วงหัวค่ำ ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันดังกล่าวมาจากทางด้านหลังของหมู่บ้าน นำมาจอดไว้ที่บริเวณข้างกำแพงรั้วแฟลตตำรวจ จากนั้นได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนหนึ่งที่ขี่มารอรับเพื่อหลบหนีไป และหลังจากที่คนร้ายหลบหนีไปได้ประมาณ 1 นาที ระเบิดก็ทำงานขึ้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความตื่นตกใจและความเสียหายอย่างรุนแรง

หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บได้ให้ข้อมูลที่น่าตกใจกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อวานนี้ ขณะเกิดเหตุ ในหมู่บ้านด้านหลังแฟลตตำรวจ สภ.โคกเคียน มีการจัดงานบุญ และมีกลุ่มเด็กๆ จำนวนหนึ่งกำลังเดินเท้าเพื่อไปเรียนอัลกุรอาน โดยระหว่างที่เด็กๆ เดินผ่านมานั้น ได้เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่รั้ว แล้วคนร้ายได้เดินลงมาและบอกกับกลุ่มเด็กๆ เหล่านั้นว่า “ให้รีบเดินหนีไปให้ไกลๆ อย่าเข้าใกล้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันนี้” ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 10 ราย ปัจจุบันยังคงเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยมี 7 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ คือ น.ส.นัชมีย์ (15 ปี), ด.ช.มูฮัมหมัดฮาฟิซ (11 ปี), ส.ต.อ.อุสมาน (35 ปี), ด.ญ.ชาลิสา (7 ปี), ด.ญ.ธัญญพร (9 ปี), ด.ญ.ฮานานี (15 ปี) และ ด.ช.อัสมีน (14 ปี) ส่วนอีก 2 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ คือ ด.ช.อัครวินท์ (14 ปี) และนายรุซลี (45 ปี) ขณะที่อีก 1 ราย แพทย์ได้อนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว อาการส่วนใหญ่เป็นอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก บาดแผลจากสะเก็ดระเบิด และอาการตกใจ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงและสร้างความหวาดกลัว การก่อเหตุในลักษณะวางระเบิดริมรั้วหรือกำแพงหน่วยงานความมั่นคงนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ที่พุ่งเป้าโจมตีในลักษณะเดียวกัน หลังจากที่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้วที่กำแพงรั้ว อาสารักษาดินแดนอำเภอแว้ง, กำแพงรั้วหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อำเภอจะแนะ และบริเวณกำแพงรั้ววัดบ้านไทย อำเภอระแงะ เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่อื่นๆ ด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *