กทม. ปลดล็อก! ไม่บังคับแต่งชุดลูกเสือ-ยุวกาชาด นักเรียนสังกัด กทม. ใช้ชุดนักเรียนปกติได้ ลดภาระผู้ปกครอง
กรุงเทพมหานคร ออกแนวทางใหม่! นักเรียนสังกัด กทม. ได้รับการผ่อนปรนเรื่องการแต่งกายชุดลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด เพื่อลดภาระผู้ปกครองและปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยถึงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเครื่องแบบและการแต่งกายชุดลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่ได้แจ้งให้โรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ในพื้นที่ 50 สำนักงานเขต ทราบและถือปฏิบัติตามหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว
สาระสำคัญของแนวทางใหม่นี้คือ การยกเว้นการแต่งกายเต็มรูปแบบสำหรับนักเรียนที่อาจไม่สะดวกในการจัดหาเครื่องแบบ โดยอนุญาตให้ผู้เรียนใช้เครื่องแบบนักเรียนปกติ แต่สามารถประดับเครื่องหมายแต่ละประเภท สวมผ้าผูกคอ และหมวกได้ตามความเหมาะสม
นางสาวพิศมัย กล่าวว่า การกำหนดแนวทางข้อยกเว้นนี้ เป็นการยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนตามกาลสมัย วันเวลา สภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งหวังจะลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับเปลี่ยนเรื่องเครื่องแบบ แต่แก่นแท้ของการเรียนการสอนวิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ยังคงไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบียบวินัย จิตอาสา การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และความเสียสละ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการเรียนรู้วิชาดังกล่าว
นอกจากนี้ สำนักการศึกษายังมีนโยบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแต่งกายของนักเรียนในภาพรวม โดยแจ้งให้โรงเรียนในสังกัดจัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนสามารถแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนด และประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกันก่อนนำไปประกาศใช้ นโยบายนี้ก็มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเช่นกัน
ในกรณีที่นักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการแต่งกาย “ชุดใดก็ได้” นี้ได้ นักเรียนยังคงมีสิทธิที่จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนมีกำหนดไว้เดิมได้ โดยห้ามมิให้ดำเนินการในลักษณะที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน ทั้งยังต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียนด้วย
การปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัตินี้ คาดว่าจะช่วยบรรเทาความกังวลด้านค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ปกครองจำนวนมาก ในขณะที่ยังคงส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะสำคัญและคุณลักษณะที่ดีงามตามหลักสูตรลูกเสือ ยุวกาชาด และเนตรนารี ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ