รวบยกแก๊ง! นครบาลโชว์ฟอร์ม สาง 2 คดีดัง ‘ฆ่ากลางกรุง-ปาหินจากสะพาน’ ชี้ ‘กล้องวงจรปิด’ กุญแจสำคัญ ไขปริศนาจับคนร้าย

(กรุงเทพฯ) – ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีและประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในยุคปัจจุบัน ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการคลี่คลายคดีอาชญากรรมร้ายแรงได้อย่างรวดเร็ว ดังเช่นสองคดีดังที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งเหตุยิงอุกอาจกลางกรุงในซอยนวลจันทร์ 22 และคดีคนร้ายปาก้อนหินใส่รถยนต์บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้ภายในเวลาอันสั้น

เหตุการณ์แรกเป็นคดีสะเทือนขวัญกลางกรุงเทพฯ เมื่อมีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมือปืนที่นั่งซ้อนท้าย ได้ลงมือก่อเหตุยิงเหยื่อเสียชีวิตอย่างอุกอาจ ภายในซอยนวลจันทร์ 22 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนาทีลงมือได้อย่างชัดเจน ราวกับฉากในภาพยนตร์อาชญากรรม แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคม

แม้จะเป็นคดีที่ท้าทายอำนาจรัฐและสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน แต่ภายใต้การนำของ พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลสามารถใช้เวลาเพียง 3-4 วัน ในการแกะรอย ติดตาม และจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งสองคนมาดำเนินคดีได้สำเร็จ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพงานสืบสวนที่รวดเร็วและเฉียบคม

ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จนี้ คือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการสืบสวนหาข่าวเชิงลึก โดยเฉพาะบทบาทของกล้องวงจรปิดที่ในยุคปัจจุบันมีการติดตั้งครอบคลุมอยู่ทั่วทุกมุมเมืองหลวง จากจุดเกิดเหตุ การหลบหนี การไปพักซ่อนตัว การเปลี่ยนเสื้อผ้า และการเดินทางต่อไปยังพื้นที่อื่น แม้กระทั่งต่างจังหวัด กล้องวงจรปิดเหล่านี้สามารถบันทึกภาพและเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายได้อย่างละเอียด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยได้อย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การจับกุมตัวได้ในที่สุด

ไม่ใช่เพียงคดีฆาตกรรมที่ซอยนวลจันทร์เท่านั้น แต่ประสิทธิภาพนี้ยังถูกพิสูจน์อีกครั้งในคดีคนร้ายปาก้อนหินใส่รถที่กำลังแล่นอยู่บนถนนบางนา-ตราด โดยปาลงมาจากสะพานลอยคนข้ามถนน ซึ่งโดยปกติแล้วคดีปาหินเป็นคดีที่หาพยานหลักฐานได้ยาก เนื่องจากก้อนหินไม่ใช่สิ่งของที่มีการระบุที่มาได้ชัดเจน

ทว่าในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้การไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน สามารถเห็นเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายปาหินลงมา การเดินลงจากสะพาน การขึ้นรถโดยสารประจำทาง และเส้นทางการเดินทางต่อไปยังที่ต่างๆ แม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นคนเร่ร่อน ไม่มีหลักแหล่งที่อยู่แน่นอน แต่ด้วยการทำงานร่วมกันทั้งการแกะรอยจากวงจรปิด การกระจายภาพใบหน้าผู้ต้องสงสัย และการลงพื้นที่หาข่าวในทุกๆ พื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดรายนี้มาดำเนินคดี เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างและหลาบจำ

พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กล่าวเน้นย้ำและฝากเตือนถึงประชาชนว่า ใครก็ตามที่คิดจะก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรง ใช้ความรุนแรง หรือใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้อื่น หรือกระทำการใดๆ ด้วยความคึกคะนองโดยขาดสติ เช่น การปาหินใส่รถ ซึ่งเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น อาจนำไปสู่อุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ขอให้ยุติความคิดนั้นเสีย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอนทุกราย

ความสำเร็จในการคลี่คลายสองคดีนี้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความก้าวหน้าและประสิทธิภาพของงานสืบสวนของตำรวจนครบาลในยุคปัจจุบัน ที่มีการยกระดับการทำงานอย่างเป็นระบบ ผนวกกับการใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุมครบถ้วนทั่วทุกมุมเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การปราบปรามอาชญากรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดย: วงค์ ตาวัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *