สธ. ห่วงสุขภาพ ปชช.รอบโรงงานไฟไหม้ฉลองกรุง เผยพบมลพิษสูงปรี๊ด แนะอพยพ-สวม N95 ป้องกัน
กรุงเทพฯ – จากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ย่านซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นย้ำถึงการป้องกันตนเองจากมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบว่ามีระดับสูงเกินมาตรฐาน.
เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่เกิดเหตุ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ ศูนย์บัญชาการเหตุ บริเวณโรงเรียนลำพะอง และเปิดเผยข้อมูลที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในบริเวณดังกล่าว.
ดร.ธนกฤต กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน จึงได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคและกรมอนามัยเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบและเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวัดค่าคุณภาพอากาศในบริเวณโดยรอบโรงงาน.
จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเบื้องต้นบริเวณด้านหน้าโรงงาน พบว่ามีค่ามลพิษสูงกว่า 0.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดร.ธนกฤต ประเมินว่า หากวัดเข้าไปในพื้นที่ด้านในที่ใกล้เคียงจุดต้นเพลิง ค่ามลพิษน่าจะยิ่งสูงและเป็นอันตรายมากกว่านี้มาก.
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยหรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงโรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัศมี 300 เมตรจากจุดเกิดเหตุ ให้เฝ้าระวังสุขภาพของตนเองเป็นพิเศษ และหากเป็นไปได้ ควรพิจารณาหาที่พักพิงชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมมลพิษทางอากาศที่อาจปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตราย.
สำหรับอาการที่ควรเฝ้าระวังและเป็นสัญญาณอันตราย คือ อาการเวียนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียน หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้.
ในส่วนของการป้องกันตนเองในเบื้องต้น ดร.ธนกฤต เน้นย้ำว่า การสวมหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละอองและสารเคมี เช่น หน้ากาก N95 จะสามารถช่วยเหลือได้ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงจากการสูดดมมลพิษ.
นอกจากนี้ ดร.ธนกฤต ยังกล่าวถึงอิทธิพลของสภาพอากาศว่า ในวันที่เกิดเหตุมีฝนตก ซึ่งช่วยบรรเทาความรุนแรงของมลพิษในอากาศให้เบาบางลงได้ในระยะหนึ่ง แต่หลังจากฝนหยุดตกและมีลมพัด มลพิษที่สะสมอยู่จะฟุ้งกระจายและอาจมีความเข้มข้นสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ.
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันถัดไป (วันที่ 13 พฤษภาคม) ทางกรมอนามัยจะจัดส่งทีมงานลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบแหล่งน้ำบริเวณโดยรอบโรงงาน เพื่อประเมินว่ามีการปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตรายหรือไม่ และมีความปลอดภัยต่อการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่หรือไม่.
กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารและประกาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว.